เรื่องมันเริ่มจากแฟนเราอยากไป เราพยายามหาเพื่อนให้แฟนเรามาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีใครอยากไปด้วย สำหรับเราสองจิตสองใจกับที่นี่มาก เพราะเรากลัวทางลึก กลัวความสูง มันเป็นอะไรที่เราก้าวข้ามผ่านไม่ได้มาทั้งชีวิต
เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้เราไม่ได้ออกมาบ้านไปเที่ยวมา 6 -7 เดือนแล้ว ช่วงนี้สถานการณ์กำลังคลี่คลาย บวกกับเราทั้งคู่ฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว เริ่มอยากเที่ยว เริ่มหาทริป ไปไหนกันดี??
ไถๆ หน้าฟีดไปเจอประกาศของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิพอดี เลยบอกแฟนว่าจะจองนะ ถ้าจอได้เราไปด้วย เอาวะ เอาไงเอากัน ต้องลุยแล้วหละ ไปไม่ถึงยอด นอนแค่จุดกางเต็นท์ก็ยังดี นานไปกว่านี้ไขข้อไม่ดี จะขึ้นไม่ไหวเอา ลุย!!!!
วิธีการจองขึ้นเขาช้างเผือก @ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
1. ที่นี่ใช้ระบบการโทรจองเท่านั้น โดยปี 2564 จองได้ครั้งละ 6 คน ( 1 วันขึ้นได้แค่ 60 คนเท่านั้น)
2. ต้องเตรียมชื่อ - สกุล / เลขบัตรประชาชน / เบอร์โทร ของสมาชิกให้พร้อม
3. ต้องส่งเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของสมาชิกทุกคนไปที่อีเมล์ของทางอุทยานเพื่อทำการยืนยันภายในเวลา 24 ชั่วโมง (ไม่งั้นถือว่าสละสิทธิ์)
4. ปีนี้พิเศษ!!เนื่องจากสถานการณ์โควิด ต้องมีผล ATK และใบรับรองแพทย์ ไม่เกิน 48 ชั่วโมงไปยืนยันตอนลงทะเบียนที่อุทยานฯ ด้วย
Tel: 034-510979 / 098-2520359
Email: [email protected]
รูปถ่าย.... ต่อให้ชัดแค่ไหนก็ไม่สวยเท่าตาเห็น
บ้านอีต่อง เหมือง“ปิล๊อก” มาจากคำว่า “ผีหลอก” อากาศดีทุกฤดู
การจะไปเขาช้างเผือกได้ต้องเริ่มจาการโทรจองให้ได้ก่อน โทรจองล่วงหน้าได้แค่ 7 วันเท่านั้น เราไปคุ้ยหาโทรศัพท์ทุกเครื่องที่ใช้งานได้มาเตรียมพร้อม
วันแรกเราโทรไป 400 กว่าสายถึงจะติด นี่ไม่นับเพื่อนอีกห้าคนช่วยกันโทร เริ่มโทรตั้งแต่ 8.25 จน 9.10 ถึงติด แต่ๆๆๆ จนท. พูดเบาๆ ก็เจ็บนะ "เต็มค่ะ" นอนก่ายหน้าผากเครียดทั้งคืน ไม่ได้เราจะแพ้แบบนี้ไม่ได้ อยากไปต้องได้ไป ต้องไปให้ได้
วันที่สองรีบตื่นเช้ามากดโทรอีก 300 กว่าสายถึงติด สุดท้ายพวกเราก็จองขึ้นเขาช้างเผือกวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค. 64 ได้สมใจอยาก
แผนภาพนี้เรากะคร่าวๆ จากการค้นหาข้อมูลเอง อาจจะไม่ถูกต้อง แต่เพื่อให้สมาชิกในทีม "รู้เขา.. รู้เรา" จะได้เตรียมตัวเตรียมใจกันก่อน
ยังๆ ยังไปไม่ได้นะ ต้องไปตรวจโควิดแบบ ATK พร้อมใบรับรองแพทย์ก่อน ตรวจล่วงหน้า 48 ชั่วโมงเท่านั้น
แต่เนื่องจากพวกเราทำงานสะดวกตรวจ รพ.เอกชน เลยต้องตรวจวันเสาร์ ค่าตรวจพร้อมใบรับรองแพทย์ประมาณ 500 บาท
*** จากที่สอบถาม จนท. หากขึ้นเขาวันจันทร์ อนุโลมให้ตรวจวันศุกร์กับ รพ. รัฐได้ หรือใครจะไปวันธรรมดาและไปค้างที่บ้านอีต่องล่างหน้าก่อนสามารถไปตรวจที่อนามัยบ้านอีต่องได้ เวลาเริ่มตรวจ 15.00 น. **
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ขนของขึ้นรถกันเลยจ้า
เม้ามอยกันไปตลอดทาง เอ๊ะ นั่นเขาช้างเผือกมั้ย นี่เขาช้างเผือกแน่ ตื่นเต้น ครื้นเครงกันไปตลอดทาง สรุปไม่ได้ว่าลูกไหนคือยอดเขาช้างเผือก
นั่งจนเมื่อยตูดกันไปเป็นแถวๆ ในที่สุดก็ถึงที่พักของเราในคืนนี้..... เราเลือกที่พักใกล้อุทยานเพราะพรุ่งนี้จะได้รีบไปลงทะเบียนแต่เช้า ข้อดีของการไปลงทะเบียนแต่เช้า คือ เราจะมีเวลาทำธุระส่วนตัวได้เยอะขึ้นก่อนจะเริ่มออกเดิน
ที่พักของเราคือ ไมน์ โฮมสเตย์ ปิล๊อก - MINE Homestay Pilok โฮมสเตย์เล็กๆ น่ารัก ราคาไม่แพง แถมมีอาหารเช้าให้อีกด้วย บรรยากาศก็ดี เงียบสงบ ไม่วุ่นวายแบบบนอีต่อง เหมาะแก่การพักร่างกายในค่ำคืนนี้จริงๆ
เราไปกัน 6 คน แทบจะครองบ้านทั้งหลังกันเลยทีเดียว ห้องพักที่นี่จะถูกตั้งชื่อตามแร่ต่างๆ ห้องนี้ชื่อว่า ทังสเตน ยังมีแทนทาลัม วุนเฟลม ฯ ใช่สิ!! ก็นี่มันเหมืองเก่า
บรรยากาศในบ้านอบอุ่น มีมุมกาแฟไว้ให้เราทานได้ตลอด ครอบครัวของเจ้าของโฮมสเตย์ใจดีมากๆ เพื่อนเราลืมผ้าเช็ดตัวไว้ทางโฮมสเตย์ยังซักให้อีก พยายามโทรติดต่อเราให้มารับคืน
ก่อนจะล้มตัวลงนอนต้องมาหาอะไรรองท้องก่อน พวกเราเลยขับรถขึ้นมาหาอะไรกินกันที่บ้านอีต่อง มุมนี้ใครมาก็ต้องแวะถ่ายซักรูป เราใช้เวลาเดินเล่นกันพักใหญ่เพราะสมาชิกบางคนยังไม่เคยมาปิล็อกมาก่อน
ส่วนตัวเรามาที่นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว เราสังเกตุว่าทุกครั้งที่เรามาพักบ้านอีต่อง อากาศดีมาก ดีทุกฤดูจริงๆ เราเคยมาเดือนมีนาขนาดตอนเช้ายังมีหมอกจางๆ อากาศ 19 - 25 องศา ฟินสุดจะบรรยายเลยแหละ
ร้านช้างแก่คลาสสิคโฮม หากใครจองที่พักแล้วไม่มีอาหารเช้าให้ ร้านนี้เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟชิวๆ พร้อมซัดไข่ลวก ไข่กระทะ ก่อนจะออกเที่ยวต่อ แต่ครั้งนี้เรามาถึงเย็นอดกินไป
ร้านครัวเจ๊ณี ร้านอาหารชื่อดังของบ้านอีต่อง ใครมาก็ต้องแวะกิน เมนูโปรเราคือเห็ดหอมผัดน้ำมันหอย ธรรมดาแต่อร่อย แต่ครั้งนี้เราเจอทัวร์ลงพอดี เลยของซื้ออะไรไปนั่งกินที่โฮมสเตย์แทน
บ้านอีต่องยามเย็นนักท่องเที่ยวจะออกมาเดินเล่นซื้อของกิน ถ่ายรูปเล่นกันเยอะหน่อย เดี๋ยวนี้มีร้านหมูกระทะเปิดใหม่ด้วย เสียดายพรุ่งนี้เรามีภาระกิจสำคัญ ไม่งั้นโดนแน่ อะไรจะฟินเท่ากินหมูกระทะในวันที่อากาศเย็นสบายแบบนี้