สักสองสามวันก่อนนี้อยากจะไปไหวศาลกรมหลวงชุมพรฯ หรือเสด็จเตี่ยที่ดอนหอยหลอด ก็นึกขึ้นได้ว่าจริงๆ แล้วเราเองก็ไม่ได้ไปดอนหอยหลอดนานแล้วเหมือนกัน อยากจะรู้นักว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง พร้อมกับได้ลองจัดทริปบนทริปไนซ์เดย์ไปด้วยเลยว่าเวิร์คมั้ยในคราวเดียวกัน
จัดทริปบนเว็บไซต์อยู่ไม่นานครับ ในใจมีจุดที่ต้องการจะไปแล้วแน่ๆ คือดอนหอยหลอด และก็อยากจะไปแวะร้านครัวซองก์ดังแถวอัมพวาก่อนกลับบ้านเสียหน่อย จะได้รู้กันไปว่าร้าน กังสดาล ที่ขึ้นชื่อเรื่องครัวซองก์ เวลาใครมาอัมพวาเนี่ยต้องแวะซื้อกลับบ้านทุกทีจะอร่อยจริงไหม ว่าแล้วเดินทางเลยดีกว่า
ออกจากกรุงเทพฯ วันจันทร์ช่วงบ่ายสอง รถไม่เยอะมาก เดินทางโดยใช้เส้นทางถนนราชพฤกษ์แล้วยิงยาวไปออกตัดกับถนนพระราม 2 รถจะติดช่วงที่ทำทางนิดหน่อย อาจจะเสียเวลาตรงนี้ประมาณ 15 นาที แต่ถ้าผ่านมาได้แล้วก็ชิลมาก
แวะพักรถเข้าห้องน้ำซื้อกาแฟสักหน่อย โดยปกติแล้วผมจะแวะแถวพอร์โตชิโน่ ไม่ก็ปตท. ใหญ่ที่เลยจากห้างไปหน่อยนึง คือไม่ได้ใช้เส้นนี้เดินทางไปต่างจังหวัดอย่างหัวหินนาน เพิ่งสังเกตุเห็นว่าเลยปตทใหญ่ไปอีกนิดนึงก็มีห้างขึ้นใหม่คือ พอร์โต โก (porto Go) น่าจะเป็นเครือเดียวกับพอร์โตชิโน่ ร้านอาหารเยอะ ร้านกาแฟเพียบ เดี๋ยววันหลังต้องมาลองสักหน่อย
ซื้อกาแฟเรียบร้อยก็ตั้งแผนที่ยิงยาวไปดอนหอยหลอดเลย ตอนกำลังจะเข้าดอนหอยหลอดเจอวัดนึงเป็นทางผ่านพอดีชื่อวัดศรัทธาธรรม อยู่ในซอยเดียวกัน เลยคิดว่าเดี๋ยวขาออกมาจากดอนหอยหลอดจะแวะสักหน่อย
ดอนหอยหลอด
ถึงดอนหอยหลอดประมาณ 4 โมง 15 เรียกได้ว่าบรรยากาศกำลังดีไม่ร้อนมาก มีคนมาปูเสื่อนั่งรับลมเย็นๆ ภาพนี้ถือว่าเป็นภาพที่คุ้นตาสำหรับคนที่นี่เลยก็ว่าได้ เพราะดอนหอยหลอดเป็นเหมือนสวนสาธารณะให้คนพื้นที่มาพักผ่อนพูดคุยหาอะไรทานกันที่ลานร่มๆ นี้
ตอนแรกตั้งใจมากราบไหว้เสด็จเตี่ย แต่มาถึงแล้วเจ้าหน้าที่ปิดศาลกำลังทำความสะอาดพอดี เศร้าเลยได้แต่ยืนไหว้อยู่หน้าศาลข้างนอก เพิ่งสังเกตุเห็นว่าหน้าศาลมีเวลาเปิดปิดด้วยคือ วันธรรมดาเปิดให้ขึ้นไปศาลได้ตั้งแต่ หกโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น วันเสาร์-อาทิตย์เปิดกดโมงเช้าปิดห้าโมง
เดินเล่นถ่ายรูปอยู่ที่ดอนหอยหลอดนี่ไม่นานมาก เพราะคิดว่าถ้าเย็นกว่านี้วัดอาจจะปิดโบสถ์ไม่ให้ขึ้นก็ได้เพราะถ้าเย็นเกินพระก็ต้องทำวัดเย็น เดินเล่นสักสิบห้านาทีเลยขับออกมาไปยังวัดศรัทธาธรรมที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่
วัดศรัทธาธรรม
ไม่ได้เป็นสถานที่ที่อยู่ในแพลนที่จัดทริปเอาไว้ แต่คิดว่าไหนๆ ผ่านแล้วก็ขึ้นไปทำบุญไหว้พระสักหน่อยก็น่าจะดี ตัววัดมีพื้นที่มาก ชาวบ้านแวะเวียนเข้ามาเยอะพอสมควร หน้าวัดคนค่อนข้างพลุกพล่านมีซื้อขายของเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นของกิน
แล้วก็จริงอย่างที่คิดไว้คือไปเย็นเกิน โบสถ์ปิดประตูไม่ให้เข้าแล้ว เลยต้องไหว้พระที่อยู่หน้าโบสถ์แทน เท่าที่หาข้อมูลมาเหมือนกับวัดนี้เป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของโบสถ์ด้วย เสียดายมากที่ไปแล้วไม่ได้เข้าไปข้างใน ไม่เป็นไรวันหลังจัดทริปมาใหม่ ที่นี่ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพมาก แล้วก็แวะได้ก่อนไปหัวหินด้วย
วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
เท่าที่หาข้อมูลมา วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ถือเป็นวัดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับเขตชุมชนของจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นวัดเก่าแก่ที่ผู้คนมักจะมาจัดงานบุญงานกุศลที่นี่ คนพื้นที่มักจะเรียกกันสั้นๆ ว่าวัดหลวงพ่อบ้านแหลม
การเดินทางก็ไม่ยาก ขับรถจากวัดศรัทธาธรรมแล้วตรงขึ้นมากลับรถใต้สะพานเข้าซอยที่จะไปทางชุมชนแม่กลองได้เลย เส้นทางจะผ่านตลาดแม่กลอง และสถานีรถไฟแม่กลองที่ช่างภาพหลายคนชอบมาตั้งกล้องถ่ายรูปรถไฟวิ่งผ่านตลาดที่จุดนี้ ภายในวัดมีที่จอดพอประมาณ คิดว่าถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์หรือมาช่วงเทศกาลจะมีจอดไม่พอ แต่สามารถไปจอดตรงลานฝั่งตรงข้ามวัดแล้วเดินเข้ามาได้ บริเวณช่วงหน้าวัดมีขายของกินมากมาย
ทั้งแบบเป็นซุ้มร้านแผงลอย ร้านที่เป็นบ้านคน ของกินก็มีตั้งแต่คาวหวาน ข้าวต้มแห้ง น้ำผลไม้ปั่น สามารถแวะทำบุญไหว้พระแล้วเดินออกมาซื้อของหน้าวัดได้เลย เดินไม่ไกลเหมือนวัดอื่น เพราะแม่ค้าพ่อค้าจะขายอยู่ริมกำแพงด้านหน้าวัดเลย
ออกจากวัดประมาณห้าโมงครึ่ง เดินทางต่อไปยังร้านครัวซองก์ขึ้นชื่อแถวอัมพวา "กังสดาล" ได้ยินชื่อเสียงกับรีวิวมานานแล้วเหมือนกัน อยากจะรู้นักว่าครัวซองก์ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของร้านนี้จะอร่อยสมคำร่ำลือจริงเปล่า
กังสดาล อัมพวา
เข้ามาทางซอยวัดช่องลม คือขับลงสะพานมาหน่อยจะเจอวัดช่องลมอยู่ซ้ายมือ วัดนี้เป็นวัดใหญ่มีคนพื้นที่แวะเวียนเข้ามาเยอะมาก คิดว่าข้างในวัดมีจัดงานและมีขายของกึ่งตลาดอยู่ใกล้กันด้วย ทางเข้าไปร้านกังสดาลจะต้องเลี้ยวเข้าซอยที่อยู่ติดกับวัด คือเลยทางเข้าประตูวัดมานิดเดียวก็จะเจอซอยเล็กๆ รถสวนกันได้ให้เลี้ยวเข้าไป
เข้าไปลึกพอสมควรประมาณ 500 เมตร ตรงนี้แนะนำว่าไปตาม Google Maps น่าจะดีกว่าเพราะมีจุดที่ต้องเลี้ยวซ้ายขวาประมาณ 2-3 ครั้ง ถ้าเลี้ยวผิดอาจจะหลงได้ ตอนแรกก็คิดว่าแผนที่น่าจะพามาผิด เพราะดูเหมือนไม่น่าจะมีร้านเข้ามาอยู่ลึกขนาดนี้ได้ แล้วร้านที่จะไปก็เป็นร้านขึ้นชื่อด้วย
แต่หลังจากมาถึงตามแผนที่ ก็พบกับร้านที่เป็นทรงบ้านสไตล์โมเดิร์นมีลานจอดรถอยู่ด้านหน้า ตอนที่ไปถึงร้านนั้นน่าจะประมาณเกือบหกโมง ภายในร้านดูร่มรื่นสไตล์นั่งอยู่ในสวนต้นตาล สามารถสั่งกาแฟและครัวซองก์ได้ที่ห้องแอร์หน้าร้าน ร้านจะแบ่งออกเป็นสองโซนคือนั่งในสวน และนั่งในห้องบริเวณตัวบ้าน
นอกจากครัวซองก์แล้ว ร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มดับร้อนอื่นๆ เช่นกาแฟ ชา น้ำผลไม้ ฯลฯ วันที่ไปนั้นทางร้านแนะนำว่ามีกาแฟอเมริกาโน่ผสมกับน้ำตาลสด ปกติผมเป็นคนไม่ดื่มกาแฟใส่น้ำตาล แต่คิดว่าไหนๆมาแล้วก็ลองดูสักทีจะเป็นไรไป เลยสั่งแบบหวานน้อยมากินคู่กับครัวซองก์โฮลวีทไม่มีไส้
เนื่องจากไปช่วงเย็นเกือบค่ำ เลยน่าจะเป็นลูกค้าคนเดียวในร้าน เลยเลือกนั่งหน้าร้านที่เป็นชุดเก้าอี้มีโต๊ะเล็กๆ มีพัดลมเพดานหมุนเอื่อยๆ มองสวนฟังเสียงนกร้องยามเย็นสงบดีมาก กาแฟรสชาติดีไม่หวานจนเกินไป ดื่มแล้วหอมกลิ่นน้ำตาลสดแตะปลายจมูก ทางร้านใช้หลอดกระดาษให้อารมรักษ์โลก ครัวซองก์มีความกรอบ เนื้อข้างในนุ่ม ถึงแม้เป็นครัวซองก์ไม่มีไส้ แต่รู้สึกได้ถึงความหอมจากขนมปังชัดมาก ก่อนกลับบ้านเลยซื้อติดกลับมาอีก 3 ชิ้นทั้งแบบมีไส้และคลาสสิค ราคาก็ทั่วไปเครื่องดื่มราคาประมาณ 80 บาท ครัวซองก์เริ่มตั้งแต่ 60 ถ้าจำไม่ผิด
ตอนนี้ทริปไนซ์เดย์เองก็สามารถจัดทริปแบบตั้งจุดเริ่มต้นจากตำแหน่งที่อยู่ได้แล้ว ทำให้สามารถตั้งจุดเริ่มเดินทาง และจุดกลับเป็นจุดที่บ้านได้เลย ก็สามารถทำทริปแบบไปเช้าเย็นกลับได้อย่างสะดวก เวลาส่งทริปให้คนอื่นก็จะดูสวยงามมากขึ้น และเห็นจุดแวะตั้งแต่แรกจนจบได้ชัดกว่าเดิม