วัดเชียงมั่น

วัดอินทขีลสะดือเมือง

วัดดวงดี เป็นศาสนสถานที่สำคัญและเก่าแก่ของเมืองชียงใหม่เป็น ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับอนุสรณ์สามกษัตริย์ ตั้งอยู่ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งใน๙วัดนามมงคลของจังหวัดเชียงใหม่

Wat Duang Dee is an important and ancient religious site in Chiang Mai, located near the Three Kings Monument in the Si Phum sub-district of Mueang District, Chiang Mai Province. It is one of the nine auspicious temples in the province.

Wat Duang Dee

วัดดวงดี

วัดดวงดี是清迈市重要而古老的宗教场所，位于三位国王纪念碑的附近，属于清迈市的斯里普米地区。这是清迈府九座吉祥寺庙之一。

วัดชัยพระเกียรติ

วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง"

Wat Phra Singh is one of the important temples in Chiang Mai, housing the revered Phra Singh (Lion Buddha), a sacred statue that symbolizes the city and the Lanna region. This Buddha statue is a classic example of Chiang Saen art, commonly referred to as "Chiang Saen Singha 1."

Wat Phra Singh

วัดพระสิงห์

凤凰寺是清迈市的一座重要寺庙，供奉著狮子佛（佛陀狮子像），这是与清迈及兰纳大地紧密相连的神圣佛像。该佛像采用的是清迈艺术风格，通常被称为“清迈狮一”。

帕辛寺

ตัววิหารเป็นเรือนไม้สักทั้งหลัง ซึ่งแต่เดิมเป็นคุ้มหลวง ของเจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 5 ภายในประดิษฐานพระประธาน "พระเจ้าปันเตา" พระพุทธรูปศิลปะล้านนาที่มีความงดงาม

วัดพันเตา เป็นวัดกลางเมืองที่มีความเก่าแก่มาก เดิมคนเชียงใหม่เรียกวัดนี้ว่า "วัดปันเต้า" (พันเท่า) น่าจะหมายถึงการทำบุญเพียงหนึ่งที่จะได้บุญกลับไปพันเท่า แต่ภายหลังได้เพี้ยนเป็น "พันเตา" นอกจากนี้ยังมีอีกที่มาที่กล่าวว่าวัดนี้จะเคยใช้เป็นแหล่งสร้างเตาหล่อพระนับร้อยนับพันเตา จึงได้ชื่อว่า "วัดพันเตา" นั่นเอง

The temple itself is entirely constructed of teak wood, originally serving as the royal residence of the fifth prince of Chiang Mai. Inside, it houses the principal Buddha statue known as "Phra Chao Pan Tao," a stunning example of Lanna art.

Wat Pan Tao is an ancient temple located in the heart of the city. Originally, the people of Chiang Mai referred to it as "Wat Pan Tao" (พันเท่า), which is believed to signify that one act of merit could return a thousandfold. Over time, the name evolved to "Wat Pan Tao." Additionally, there is another interpretation suggesting that the temple was once used as a site to create hundreds, if not thousands, of casting molds for Buddha images, thus earning the name "Wat Pan Tao."

Phan Tao Temple

วัดพันเตา

这座寺庙是用整块柚木建造的，原本是清迈第五代王的宫殿。寺内供奉着主佛“帕恩道”（พระเจ้าปันเตา），这尊佛像是兰纳艺术的典范，极具美丽。

潘道寺是位于城市中心的一座古老寺庙，最初清迈人称之为“潘道寺”（วัดปันเต้า），这可能是指做一次善事便能获得千倍的功德，但后来名称演变成了“潘道”（พันเตา）。此外，还有一种说法认为这座寺庙曾是成百上千座佛像铸造窑的所在地，因此得名为“潘道寺”。

潘道寺

เป็นพระอารามหลวงในจังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ ราชกุฏาคาร วัดโชติการาม สร้างขึ้นในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้น่าจะสร้างในปี พ.ศ. 1928 - 1945 และมีการบูรณะมาหลายสมัย โดยเฉพาะพระเจดีย์ ที่ปัจจุบันมีขนาดความกว้างด้านละ 60 เมตร เป็นองค์พระเจดีย์ที่มีความสำคัญอีกองค์หนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

This royal temple, located in Chiang Mai, is known by several names, including Rajakutakara and Wat Chotikarama. It was established during the reign of King Saen Muang Ma, the seventh monarch of the Mangrai dynasty. Although the exact year of its construction is unclear, it is believed that the temple was built between 1928 and 1945. Throughout the years, it has undergone numerous renovations, especially the stupa, which currently measures 60 meters on each side. This makes it one of the significant stupas in Chiang Mai.

Wat Chedi Luang Worawihan

วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

这是位于清迈省的一座皇家寺庙，名称有很多，包括拉差古塔卡和乔提卡拉姆。这座寺庙是在匡国王朝的佐木帕王统治时期建立的，仅有第七代国王的记载，确切的建造年份并不明确。据推测，这座寺庙可能建于公元1928年至1945年之间，并在多个时代进行过修复，特别是其佛塔。目前佛塔的各边宽度达到60米，是清迈省另一座重要的佛塔。

Wat Chedi Luang Worawihan 寺

วัดหมื่นตูม

วัดเจ็ดลีน

วัดป่ะละ

วัดสวนดอก หรือ วัดบุปผาราม สร้างขึ้นในภายในเวียงสวนดอก ซึ่งเป็นเขตพระราชอุทยานในสมัยราชวงศ์มังราย โดยในปี พ.ศ. 1914 พระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง ราชวงศ์มังราย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็น "พระอารามหลวง" เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ "พระมหาเถระสุมน" ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ในแผ่นดินล้านนา และสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อประดิษฐาน "พระบรมสารีริกธาตุ" 1 ใน 2 องค์ ที่ "พระมหาเถระสุมน" อัญเชิญมาจากสุโขทัย ในปี พ.ศ. 1912 (องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์ ใน วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร)

ในสมัยราชวงศ์มังราย วัดสวนดอก มีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่หลังจากสิ้นราชวงศ์มังราย บ้านเมืองตกอยู่ในอำนาจพม่าทั้งเกิดจลาจลวุ่นวาย วัดนี้จึงกลายสภาพเป็นวัดร้างไป วัดสวนดอก ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง ในรัชสมัยพระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน) และได้รับการทำนุบำรุงจากเจ้านายฝ่ายเหนือ และประชาชนเชียงใหม่มาโดยตลอด

Wat Suan Dok, also known as Wat Buppharam, was established within the grounds of Suan Dok, a royal park during the Mangrai Dynasty. In 1914, King Kue Na, the sixth monarch of the Mangrai Dynasty, graciously ordered the construction of this temple as a "royal monastery" for the residence of Phra Maha Thera Suman, who was responsible for the establishment of the Lankavamsa school of Buddhism in the Lanna Kingdom. A pagoda was built to enshrine one of the two relics brought by Phra Maha Thera Suman from Sukhothai in 1912; the other relic is housed in the pagoda at Wat Phra That Doi Suthep.

During the Mangrai Dynasty, Wat Suan Dok thrived significantly. However, after the dynasty's decline and the subsequent Burmese occupation, the temple fell into disrepair and became abandoned. It was not until the reign of King Borom Raja Kavilha, of the Tiphakachathirath dynasty (also known as Chao Jet Ton), that Wat Suan Dok was restored. Continuous efforts to maintain the temple have been supported by Northern nobility and the local people of Chiang Mai ever since.

Wat Suan Dok (Wat Buppharam)

วัดสวนดอก​ (วัดบุปผาราม)

园花寺，又称布帕拉寺，位于花园内，是在孟赖王朝时期建立的皇帝园林中。公元1914年，第六代国王基纳下令将其建为“皇家寺庙” ，供“高僧苏曼”居住，苏曼是将伦咖王朝佛教引入兰纳地区的人。同时，为了供奉“佛陀舍利”之一，寺内还建造了佛塔，这些舍利是高僧苏曼从苏科泰于公元1912年带回的（另一件舍利供奉在道索寺的佛塔中）。

在孟赖王朝时期，园花寺繁荣昌盛。然而，随着孟赖王朝的结束，国家陷入了缅甸的统治和混乱之中，寺庙逐渐变得荒废。后在蒂德查卡博王朝的加维拉大帝统治下，园花寺经历了重建与修复，并始终受到北部贵族及清迈市民的支持与关爱。

วัดอุโมงค์ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเชียงใหม่ที่ไม่ควรพลาด ภายในดูลึกลับน่าค้นหา และมีสวยงามในแบบที่ดูแปลกตา วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ และตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรืออยู่ในซอยหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Wat Umong is another must-visit attraction in Chiang Mai. Its interior offers a mysterious atmosphere that invites exploration, combined with a unique beauty that is visually striking. Wat Umong, also known as Buddha Forest, is located to the west of the city, at the foothills of Doi Suthep, in Mueang District, Chiang Mai Province. It is situated south of Chiang Mai University, tucked away in a lane behind the university.

Wat Umong Suan Phuttham

วัดอุโมงค์ สวนพุทธธรรม

乌蒙寺是清迈不容错过的另一个旅游胜地。寺内环境神秘且引人探寻，展现出一种独特的美感。乌蒙寺（即佛教公园）位于清迈市的西部，坐落于素贴山的山脚下，位于清迈大学南部，或者说在清迈大学后面的巷子里。

Wat Umong Suan Phuttham寺

วัดโลกโมฬี เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ อายุกว่าห้าร้อยปี สร้างในสมัยอาณาจักรล้านนา ภายในวัดมีพระวิหารไม้ที่วิจิตรบรรจง ด้วยลวดลายแกะสลักแบบโบราณ มีพระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถเป็นพระประธาน 

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสายบุญที่ใครที่มาเชียงใหม่ก็มักจะแวะมากัน เพราะเดินทางง่ายอยู่ในเมือง เป็นสถานที่ที่มีความสวยงามไม่เหมือนใคร

Wat Lok Molee is one of the ancient temples located in Chiang Mai, with a history of over five hundred years, built during the Lanna Kingdom. Inside the temple, there is a wooden vihara intricately adorned with traditional carved patterns, featuring Phra Buddha Sanchitjiraparamaloknath as the principal Buddha statue.

This is another popular spiritual destination that many visitors to Chiang Mai often stop by, due to its convenient location within the city. It is a beautifully unique site, unlike any other.

Wat Lok Molee

วัดโลกโมฬี

世界摩利寺是清迈省的一座古老寺庙，已有超过五百年的历史，建于兰纳王国时期。寺内有一座精美的木制佛殿，雕刻着古老的花纹，主佛是佛陀安静永恒的世界之主。

这也是一个非常受欢迎的佛教旅行景点，许多来到清迈的人都会特地光顾，因为这里交通便利，位于市区内，且是一个独特而美丽的地方。

เป็นวัดที่มีความสำคัญวัดหนึ่ง จารึกที่พบในวัดได้กล่าวถึงพญามังรายโปรดได้สร้างเจดีย์ขึ้นในที่ประทับและสถาปนาเป็นวัด เรียกว่า วัดเชียงมั่น วัดเชียงมั่น เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ ภายในมี เจดีย์ช้างล้อม สร้างเลียนแบบ เจดีย์ช้างล้อม ของพ่อขุนรามคำแหง พระพุทธรูปสำคัญ ๒ องค์คือ พระแก้วขาว และ พระศิลาปางทรมานช้างนาฬาคีรี

This temple is one of significant importance. The inscriptions found within the temple mention that King Mangrai ordered the construction of a stupa at this site, thereby establishing what is now known as Wat Chiang Man. Wat Chiang Man is the oldest temple in Chiang Mai province. Inside, you can find the Elephant Encircled Stupa, designed to replicate the Elephant Encircled Stupa built by King Ramkhamhaeng. There are also two important Buddha statues: the White Emerald Buddha and the Stone Buddha in the posture of the Tortured Elephant.

Wat Chiang Man

这是一座重要的寺庙。寺庙内的铭文提到，玛哈拉耶王曾在此处建立佛塔，并将其定为寺庙，名为清曼寺。清曼寺是清迈府最古老的寺庙之一，内部有一座模仿拉姆康汉王朝的象塔——象围塔。此外，寺内还有两尊重要的佛像，即白玉佛和受折磨的纳拉基里象佛。

TripNiceDay

วัดป่ะละ

อย่าเอาเราไปวัดกับใคร ,, เราไม่ใช่สังฆทาน

该用户尚未创建任何照片

该用户尚未创建任何地点

该用户尚未创建任何博客