ชาวบ้านมักเรียกว่าวัดหลวงพ่อโสธร ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลโสธร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เดิมทีมีชื่อว่าวัดหงส์ แต่หลังจากที่ได้อัญเชิญหลวงพ่อโสธรขึ้นมาประดิษฐาน จึงได้เปลี่ยนมาเป็นวัดโสธรวรารามวรวิหาร

สถานที่สะอาด โอ่อ่าและสวยงามทั้งด้านนอกและด้านใน แต่การจัดการอาจจะยังไม่ดีนัก อาจจะเป็นเพราะคนเยอะด้วย ด้านนอกรอบวัดมีผู้ประกอบการบางรายพยายามหาผลประโยชน์จากผู้มีจิตศรัทธา ทั้งการกันที่จอดรถ คิดราคาเกินจริง ฯลฯ

Locals often refer to it as Wat Luang Por Soh Tho, situated along the Bang Pakong River in Sothorn Subdistrict, Mueang District, Chachoengsao Province. Originally named Wat Hong, it was renamed Wat Sotharaworararm Worawihan after the revered Luang Por Soh Tho was enshrined here.

The place is clean, spacious, and beautifully maintained both inside and out. However, the management may not be as efficient, likely due to the high volume of visitors. Outside the temple, some entrepreneurs seem to exploit the goodwill of the faithful, charging exorbitant rates for parking and other services.

Wat Sothon Wararam Worawihan

วัดโสธรวรารามวรวิหาร

当地居民常称之为素托寺，位于查真查拉省市区素托县的邦帕贡河边。最初名为红鹤寺，但自从将素托佛像请上香火后，寺庙更名为素托寺华普华庄。

这里的环境整洁，外观和内部都很壮丽漂亮。然而，管理方面可能还有待加强，尤其是由于游客众多的原因。在寺庙外周围，一些经营者试图利用信士的虔诚，以不合理的价格收取停车费等。

Wat Sothon Wararam Worawihan 寺

วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอบางคล้า และอำเภอคลองเขื่อน ริมแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นวัดที่มีพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ความหมายของพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขคือ ความสุขสบาย ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้านรื่นรมย์ ไร้ทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง อิ่มหนำสำราญ มีกิน มีโชคลาภ จะนำความความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา

Wat Saman Rattanaram is located between Bang Khlakh and Khlong Khuean districts, along the banks of the Bang Pakong River in Chachoengsao province. It is home to the largest reclining statue of Ganesha in Thailand. The meaning of this reclining Ganesha statue symbolizes comfort, abundance, and prosperity in all aspects of life, filled with joy and free from suffering or sorrow. It represents fulfillment and the blessings of good fortune, bringing happiness and ease to its devotees.

Wat Saman Rattanaram

วัดสมานรัตนาราม

位于查真查拉省的邦卡和クロン基安区之间，坐落在邦帕公河岸边的萨曼拉特那拉姆寺，是泰国最大的一尊卧式快乐的象神雕像。卧佛象神的意义在于象征着安逸和全面的幸福，充满富饶和愉快，生活无忧无虑，快乐无比，富足丰盈，将为崇拜者带来幸福与安康。

Wat Saman Rattanaram 寺

ทำบุญไหว้พระแปดริ้ว

สวนสัตว์พาต้าเป็นสวนสัตว์ลอยฟ้าที่เดียวในกรุงเทพฯ มีคิงคองชื่อแม่บัวน้อยอยู่ อัตราค่าเข้าผู้ใหญ่ 80 เด็ก 50 บาท

ที่นี่เป็นสวนสัตว์ขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ชั้น 6–7 ของห้างสรรพสินค้าพาต้า สาขาปิ่นเกล้า ในเขตบางพลัด ฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร บริเวณแยกบรมราชชนนี ด้านมุ่งหน้าไปทางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เปิดดำเนินกิจการเมื่อต้นปี พ.ศ. 2526

Pata Zoo is the only rooftop zoo in Bangkok, featuring a unique gorilla named Mom Buanoi. The admission fee is 80 Baht for adults and 50 Baht for children.

This small zoo is located on the 6th and 7th floors of the Pata Department Store in the Pinhao district of Thonburi, Bangkok, near the Borom Marachachonnani intersection, heading towards the Phutthabucha Bridge. It has been in operation since early 1983.

Pata Zoo

สวนสัตว์พาต้า

帕塔动物园是曼谷唯一的空中动物园，这里有一只名叫“母花小”的猩猩。票价为成人80泰铢，儿童50泰铢。

这是一座小型动物园，位于帕塔购物中心（Pin Klau分店）的6至7层，位于曼谷的Bang Phlat区，靠近Brom Ratchachonnanee交叉口，前往圣彼得公路的方向。动物园于1983年初开始运营。

帕塔动物园

วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ริมคลองผดุงกรุงเกษมและแม่น้ำเจ้าพระยา พระอุโบสถของวัดได้รับการปฏิสังขรณ์โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ปัจจุบันภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามและอยู่ในสภาพที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี โดยตกแต่งด้วยสีน้ำเงินทะเลเป็นหลัก ภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง วัดเทวราชกุญชรฯ ซึ่งเป็นอาคารทรงไทยแบบสถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส สร้างด้วยไม้สักทอง[1] ตามแบบดั้งเดิมทั้งหลัง วัดเทวราชฯยังได้จัดสร้างอาคารปฏิบัติธรรมทรงปั้นหยา ศิลปะสมัยรัชกาลที่ 5 ผสมผสานศิลปะสมัย รัชกาลที่ 7 ถือเป็นอาคารปฏิบัติธรรม ที่มีศิลปะงดงามหาชมได้ยากในเขตกรุงเทพมหานคร ที่สำคัญทางวัดได้อนุรักษ์อาคารโบราณไว้หลายหลัง โดยเฉพาะอาคารเทวราชธรรมสภา ที่มีอายุกว่า 100 ปี เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาศิลปะในยุครัตนโกสินทร์ด้วย.

The Wat Thewaratkunchetarawiharn is a royal monastery of the third class, classified as a sacred temple, located in the Dusit district of Bangkok, along the Phadung Krung Kasem Canal and the Chao Phraya River. The temple's ubosot (ordination hall) was restored by Her Majesty Queen Sirikit, the Queen Mother. Today, it houses stunning murals that are beautifully preserved, predominantly decorated in ocean blue shades.

Within the temple grounds lies the Golden Teak Museum, a building featuring a blend of Thai architecture influenced by Chinese and Portuguese styles, constructed entirely from golden teak wood. Additionally, Wat Thewarat has established a meditation hall designed in the Panya style, showcasing a unique artistry that combines elements from the reigns of King Rama V and King Rama VII. This meditation hall is celebrated for its exquisite beauty and is a rare find in the Bangkok area.

Importantly, the temple has preserved several historic buildings, particularly the Thewarat Dharma Hall, which is over 100 years old, enabling future generations to study the art from the Rattanakosin era.

Wat Thewarat Kunchorn Worawihan

วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร

德瓦拉差昆猜维哈寺是一座位于曼谷都喜区、坐落于攀丁喧河和乍都拉河边的三级皇家寺庙。该寺庙的主殿由希里吉特皇后修缮，现内部装饰华美的壁画得到良好保存，主要以海洋蓝色为主色调。寺内还坐落着金色柚木博物馆，建筑风格融合了中国和葡萄牙的传统，全部采用柚木建造。德瓦拉差寺还兴建了一个拥有传统风格的修行中心，融合了五世皇和七世皇时期的艺术风格，是曼谷中少有的美丽修行厅。此外，寺庙还保存着多座古老建筑，特别是德瓦拉差法庭，已有百年历史，供后代学习拉克辛王朝时期的艺术。

Wat Thewarat Kunchorn Worawihan寺

วัดบวรสถานสุทธาวาส หรือ วัดพระแก้ววังหน้า เป็นวัดในพระราชวังบวรสถานมงคล เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามภายในพระบรมมหาราชวัง และด้วยเหตุที่เป็นวัดในวัง ดังนั้น จึงไม่มีพระภิกษุจำพรรษา สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพซึ่งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างขึ้น แต่ยังไม่แล้วเสร็จก็สวรรคตเสียก่อน การก่อสร้างวัดพระแก้ววังหน้าจึงมาก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและได้รับพระราชทานนามว่า วัดบวรสถานสุทธาวาส

Wat Bowon Sathan Suthawas, also known as the Temple of the Emerald Buddha within the Outer Palace, is located within the grounds of the Bowon Sathan Mongkhon Palace, much like the Wat Phra Si Rattana Satsadaram in the Grand Palace. As it is a temple situated within the royal palace, it does not have resident monks. The temple was commissioned by Prince Maha Sakdipolsep, the royal prince of Bowon Sathan Mongkhon, during the reign of King Nangklao (Rama IV). Unfortunately, he passed away before the construction was completed. Therefore, the temple's completion occurred during the reign of King Chulalongkorn (Rama V), who granted it the name "Wat Bowon Sathan Suthawas."

Wat Bowon Sathan Sutthawat

วัดบวรสถานสุทธาวาส

博瓦拉寺或称承天寺，是位于博瓦拉曼功宫内的一座寺庙，与大皇宫内的佛里萨拉寺相似。由于它位于王宫内，因此没有僧人常驻。博瓦拉王朝的拉玛四世为了这座寺庙而兴建，但在竣工前就已去世。因此，承天寺的建设最终是在拉玛五世的统治时期完成的，并获得了“博瓦拉寺”的名称。

     ป้อมพระสุเมรุ เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ในสมัยนั้นได้มีการสร้างป้อมปราการ 14 แห่งเพื่อป้องกันพระนคร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ป้อมปราการหมดความจำเป็น จึงถูกรื้อถอนไป ป้อมพระสุเมรุเป็น 1 ใน 2 ป้อมที่ยังคงเหลืออยู่ อีกป้อมหนึ่งคือป้อมมหากาฬ ชื่อป้อมพระสุเมรุได้นำมาตั้งเป็นชื่อถนนพระสุเมรุ
     ป้อมพระสุเมรุซึ่งสร้างมาแต่รัชกาลที่ 1 มีลักษณะสวยงามและเป็นประโยชน์ใช้สอยมากมาย มีเชิงเทิน ช่องยิงปืน ห้องเก็บกระสุนดินดำ และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ แต่ก็ชำรุดทรุดโทรมเป็นธรรมดา จนถึง พ.ศ. 2524 กรมศิลปากรได้ซ่อมแซมบูรณะตามรูปแบบเดิมจากภาพถ่ายในสมัยรัชกาลที่ 5 จนแลดูสง่างามเหมือนเดิม และยังปรับปรุงบริเวณโดยรอบให้เป็นสวนสาธารณะอีกด้วย โดยให้ชื่อว่า "สวนสันติชัยปราการ" มีพลับพลา ชื่อว่า "พระที่นั่งสันติชัยปราการ"
     ชุมชนโดยรอบป้อมพระสุเมรุ คือชุมชนถนนพระอาทิตย์ มีความเข้มแข็งด้านการมีส่วนร่วมสูงเช่นเดียวกับชุมชนป้อมมหากาฬ แต่มีความหลากหลายสูงกว่า
     ในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2326 มีชาวเขมร 10,000 คน มาขุดคลองเชื่อมระหว่างคลองบางลำภูกับคลองโอ่งอ่าง จนจรดต่อกันเกิดเป็นคลองรอบกรุง

Phra Sumen Fort is a fortress built during the reign of King Rama I. At that time, 14 forts were constructed to protect the city, but over time, these fortifications became unnecessary and were dismantled. Phra Sumen Fort is one of just two that still remain today, the other being Mahakhan Fort. The name Phra Sumen Fort has been adopted as the name for Phra Sumen Road.

This fort, established in the time of King Rama I, showcases beautiful architecture and serves numerous purposes. It features ramparts, gun ports, an ammunition storage room, and various weaponry. However, natural decay took its toll. By 1981, the Fine Arts Department undertook restoration efforts based on photographs from the era of King Rama V, returning it to its former glory. Surrounding areas were also transformed into a public park named "Santhichai Prakan Park," which includes a pavilion known as "Phra Thinang Santhichai Prakan."

The community surrounding Phra Sumen Fort is the Phra Arthit Road community, known for its strong participatory spirit, much like the Mahakhan Fort community, but with even greater diversity.

In the reign of King Rama I, specifically in 1783, around 10,000 Khmer people were brought in to dig a canal connecting Bang Lam Phu Canal to Oon Ang Canal, thereby creating the waterways that encircle the city.

Phra Sumen Fort

ป้อมพระสุเมรุ

พระสุเมรุ堡是拉玛一世时期建造的防御堡垒。在那时，为了保护首都，共建造了14座堡垒，但随着时间的推移，这些防御工事逐渐失去了作用，因此被拆除。现在，พระสุเมรุ堡是仅存的两座堡垒之一，另一座是มหากาฬ堡。พระสุเมรุ这个名字也用来命名附近的พระสุเมรุ路。

作为拉玛一世建造的历史遗迹，พระสุเมรุ堡具有美观的外形和多种实用功能，设有碉堡、炮口、黑火药仓库及各种武器设备。然而，随时间推移，堡垒逐渐损坏，直到1981年，泰国文化部根据拉玛五世时期的照片对其进行了修复，恢复了往日的辉煌，周围的环境也被改造成公共公园，命名为“安提昌公园”，并在公园内设有名为“安提昌殿”的凉亭。

围绕着พระสุเมรุ堡的社区是พระอาทิตย์街社区，在参与度方面与มหากาฬ堡社区同样强大，但其多样性更高。

在拉玛一世时期，即泰历2326年，约有10,000名柬埔寨人为连接บางลำภู运河与โอ่งอ่าง运河而挖掘运河，最终形成了环绕首都的运河系统。

帕苏门堡垒

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร บริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล หรือส่วนหนึ่งของที่ประทับวังหน้า ซึ่งก็คือพื้นที่พระราชวังของสมเด็จพระบวรราชเจ้าตั้งแต่รัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา มีอาณาเขตตั้งแต่บริเวณมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

The National Museum Bangkok, also known as the Phra Nakhon National Museum, is the first national museum in Thailand. It is located in the Phra Nakhon district of Bangkok, within the area of the Borom Ratcha Sathit Maha Sathan Palace, which is part of the front palace used by His Royal Highness Prince Borom Rajakumari since the reign of King Rama I. The museum's boundaries extend from Silpakorn University and Wang Tha Phra to Thammasat University.

National Museum, Phra Nakhon, Bangkok

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร

国家博物馆是泰国第一座国家博物馆，位于曼谷的普拉那空区，具体位置在博王庙的区域，也就是王宫的前宫部分。这片地区自拉玛一世起便是博王大帝的王宫，包括艺术大学、塔普拉宫和法政大学等地。

国家博物馆，Phra Nakhon，曼谷

วัดอินทรวิหาร เป็นวัดที่สมเด็จโตท่านเป็นผู้สร้างขึ้น ที่นี่เป็นวัดที่มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ และลูกศิษย์แวะมากราบไหว้ตลอดทุกวัน ภายในวัดค่อนข้างร่มรื่น โบสถ์สวยงามมากทั้งภายนอกและภายใน ด้านข้างโบสถ์มีหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ประทับสูงเด่นสง่างาม เราสามารถเข้ามาปิดทองได้ที่เล็บเท้าขององค์พระที่ยืนอยู่ได้

ด้านใต้ของโบสถ์เป็นพิพิธภัณฑ์ มีเก็บของเก่ามากมายของสมเด็จโต ภายในวัดสามารถเดินได้อย่างสะดวก มีพนักงานของทางวัดคอยแนะนำบริการตามจุด ไม่ควรนำรถมาเอง เพราะถึงแม้ที่จอดในร่มจะมี แต่ก็มีจำกัด และที่สำคัญคือสูงชันมากกว่าจะขึ้นได้แต่ละชั้น รถยาวหน่อยตีวงเลี้ยวไม่ผ่านแน่นอน ใครที่ขับรถไม่แข็งไม่ควรนำรถเข้าจอดครับ

Wat Inthrawihan is a temple founded by Somdet To. This site attracts both international tourists and disciples who come to pay their respects every day. The temple grounds are quite serene, with a beautifully designed chapel that captivates both inside and out. Next to the chapel stands a majestic large statue of Luang Pho To, where visitors have the opportunity to apply gold leaf to the toes of the standing Buddha statue.

Beneath the chapel, there is a museum showcasing a variety of ancient artifacts related to Somdet To. The temple is easy to navigate, with staff members available throughout to provide assistance and guidance. It's advisable not to drive your own car here, as while there are shaded parking areas, they are limited and the slopes can be quite steep. Larger vehicles may struggle to navigate the turns, so if you're not confident in your driving, it's better to avoid bringing a car for parking.

Wat Intharawihan

วัดอินทรวิหาร

印度维哈寺是由托大师所建造的寺庙。这里每天都有很多外国游客和弟子前来参拜。寺内环境幽静，外观与内部的寺殿都非常美丽。寺庙一侧矗立着一尊高大庄严的托佛像，我们可以在佛像的脚趾上镀金。

寺殿下方是一个博物馆，这里藏有许多托大师的古物。寺内的步行路线非常便捷，寺庙工作人员随时提供服务与指导。建议不要自驾前往，尽管有遮蔽的停车位，但数量有限，而且停车位坡度较大，车辆很难上下，尤其是长车在转弯时肯定无法通过。如果驾驶技术不够熟练，最好不要自驾前来。

因他拉威汉寺

เดิมชื่อว่า "วัดใหม่" ตั้งอยู่ภายในพระนครติดถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ ริมกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ พื้นที่สร้างวัดนี้แต่เดิมคงเป็นที่ว่างอยู่ในอาณาเขตวังหน้า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์(พุทธศักราช ๒๓๖๗-๒๓๗๕) กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนา วัดใหม่ ขึ้นในบริเวณดังกล่าว ภายหลังจากการทำการศพเจ้าจอมมารดาน้อย ซึ่งเป็นเจ้าจอมมารดาของพระองค์เจ้าหญิงดาราวดี พระชายาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์

สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าชายอรุโณทัย ประสูติเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๓๒๘ เป็นพระเจ้าลูกยาเธอลำดับที่ ๑๗ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กับเจ้าจอมมารดานุ้ยใหญ่ ธิดาพระยานคร(พัฒน์) เมื่อพระชนมายุ ๒๓ ชันษา ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทรงกรมเป็นกรมหมื่นศักดิพลเสพย์กำกับราชการ กลาโหม

ครั้นถึงปีพุทธศักราช ๒๓๖๓ เมื่อคราวศึกพม่ายกทัพจะเข้าตีไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงมีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่่นศักดิพลเสพย์พร้อมด้วยพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เป็น แม่ทัพคุมพลไปตั้งรับที่หัวเมืองชายแดนฝั่งตะวันตก ด้วยเหตุที่พระองค์เคยร่วมบัญชาการศึกมาด้วยกันและเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย เมื่อพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ขึ้นครองราชสมบัติ เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

จึงทรงอุปราชาภิเษกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นศักดิพลเสพย์เป็นสมเด็จพระบวร ราชเจ้ากรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ ดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังสถานมงคลตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๓๖๗-๒๓๗๕ ดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราชอยู่ ๘ ปี ประชวรและสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๓๗๕ เมื่อยังดำรงพระชนม์ชีพ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ทรงสถาปนาวัดสำคัญ ๒ แห่งคือ "วัดบวรสถานสุทธาวาสหรือวัดพระแก้ววังหน้า" สร้างขึ้นในเขตพระราชวังบวรสถานมงคลทางด้านทิศเหนือ เพื่อให้เป็นวัดประจำวังแบบเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามซึ่งเป็นวัดตั้ง อยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง และวัดที่ทรงสถาปนาเพื่มขึ้นอีกแห่งคือ "วัดบวรนิเวศวิหารหรือวัดใหม่" สร้างในพื้นที่บริเวณทิศเหนือของพระนครใกล้กับวัดรังษีสุทธาวาสที่สมเด็จ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ทรงสร้างตั้งแต่สมัยรัชการที่ ๒ 

โดยเริ่มดำเนินการสร้างภายหลังจากทำการศพเจ้าจอมมารดาน้อย พระชายาในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ในบริเวณพื้นที่ซึ่งกำหนดจะสร้างวัดบวรนิเวศวิหารขึ้นตรงนั้น การสถานปนาวัดเมื่อแรกเริ่มนั้น สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ทรงสร้างพระอุโบสถขึ้นก่อน ลักษณะเป็นอาคารจตุรมุข ซึ่งมีมุขหน้ายาว มุขข้างและมุขหลังสั้น แต่ได้ผูกพัทธสีมาเฉพาะมุขหน้าเท่านั้น โดยได้อัญเชิญหลวงพ่อโต จากวัดสระตะพาน วังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโลหะ ลงรักปิดทองปางมารวิชัย ศิลปะแบบอู่ทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ขนานนามว่า "พระสุวรรณเขต"

ข้อมูลจากหนังสือสมุดภาพพระเจดีย์วัดบวรนิเวศวิหาร

Originally named "Wat Mai," this temple is located within the boundaries of Phra Nakhon, adjacent to Baworin Niwet Road and Phra Sumet Road, along the northern city wall. The area where this temple was built was once an empty space within the vicinity of the Front Palace. His Royal Highness Prince Maha Sakdipolsep (Buddhist Era 2367-2375) established Wat Mai in this area following the funeral of the Minor Royal Consort, the mother of Princess Daravadi, a consort of Prince Maha Sakdipolsep. 

Prince Maha Sakdipolsep, originally named Prince Arunothai, was born on October 21, 2328 BE, and was the 17th son of King Buddha Yodfa Chulaloke and the Major Royal Consort, Nui, the daughter of Phra Ya Nakorn (Phat). At the age of 23, he was graciously appointed to the title of Krom Muen Sakdipolsep, overseeing the Ministry of Defense. 

In 2363 BE, during the time when Burmese forces were preparing to attack Thailand, King Phutthaloetla Naphalai issued a royal decree assigning Prince Maha Sakdipolsep and Prince Muen Jetsadabodhin to lead troops and defend the western border towns. Due to their previous military collaboration and his trust in them, when Prince Jetsadabodhin ascended the throne as King Nangklao, he appointed Prince Maha Sakdipolsep as the Vice King.

He held the title of Somdet Phra Borom Raja Krom Muen Sakdipolsep from 2367 BE until his death in 2375 BE, serving as the Prince of the Front Palace for eight years. He passed away on May 1, 2375 BE. During his lifetime, Prince Maha Sakdipolsep established two important temples: "Wat Baworn Sutthavas," also known as the Temple of the Emerald Buddha in the Front Palace, built within the grounds of the Palace to serve as a royal temple similar to Wat Phra Si Rattana Satsadaram located within the Grand Palace. The other temple he built was "Wat Baworniwet," constructed in the northern area of Phra Nakhon, close to Wat Rangsithuthavas, established by Prince Isananupruk since the reign of King Rama II. 

Construction of Wat Baworniwet began after the funeral of the Minor Royal Consort, the consort in the palace of His Royal Highness Phra Mahasurasinhath. Initially, the temple's construction commenced with the ubosot, designed as a four-gabled structure, featuring a long front gable, with shorter side and rear gables. The area was consecrated only at the front. A large metal Buddha statue known as "Phra Suwannakhet," depicting the Buddha in a subduing Mara posture and of U Thong artistic style, was brought from Wat Sa Taphaan in Phetchaburi and enshrined as the principal Buddha image in the ubosot. 

This information is derived from the illustrated book on the stupas of Wat Baworniwet.

Wat Bowonniwet Ratchaworawihan

วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

最初名为“新寺”，位于曼谷市内，紧邻博览街和佛帝街，坐落于城墙北侧。这个地方最初是空地，属于王宫地区。在พระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์（公元1830-1838）在拉玛三世的统治期间，建立了新寺。寺庙的建立是在为พระองค์เจ้าหญิงดาราวดี的母亲，一位王妃举行葬礼之后。

พระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์原名是พระองค์เจ้าชายอรุโณทัย，生于公元1825年10月21日，是拉玛一世的第17个子嗣。21岁时，获册封为กรมหมื่นศักดิพลเสพย์，负责国防事务。

到公元1863年，当缅甸军队进攻泰国时，拉玛三世下令让กรมหมื่นศักดิพลเสพย์和ด้วยพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์担任大将军，驻守西部边界。由于两人曾共同指挥过战役，拉玛三世非常信任他。当กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์登基为拉玛四世时，便册封กรมหมื่นศักดิพลเสพย์为พระบวรราชเจ้ากรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์。自公元1830年起，他担任พระราชวัง的职位，任期八年，直到公元1838年5月1日去世。在任期间，พระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์还建立了两座重要寺庙，分别是“บวรสถานสุทธาวาส寺”或称“พระแก้ว寺”，以及“新寺”，后者位于城北，靠近由สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์在拉玛二世时代建立的วัดรังษีสุทธาวาส。

新寺的建设始于为กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท皇后的葬礼之后。初始阶段，พระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์首先建设了大殿。这座大殿为四面开放的建筑，前面宽，侧面和背面相对较短，但只对前面进行设立了界限。此外，从เพชรบุรี的สระตะพาน寺请来了一尊被称为“พระสุวรรณเขต”的大型金色佛像作为大殿的主供奉。

以上信息源自《วัดบวรนิเวศวิหาร佛塔图片集》。

Wat Bowonniwet Ratchaworawihan寺

พระบรมมหาราชวัง หรือ พระราชวังพระนคร เป็นพระราชวังที่ประทับของพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร แม้ปัจจุบันจะไม่เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์แล้ว แต่พระบรมมหาราชวังก็ยังคงถูกใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ทุกปีจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีผู้เข้าเยี่ยมชมในปี พ.ศ. 2549 ถึง 8,995,000 คน

The Grand Palace, or Phra Borom Maha Ratcha Wang, is the official residence of the kings of the Kingdom of Thailand during the Rattanakosin Era, from the reign of King Rama I to King Rama V. Located in the Phra Nakhon district of Bangkok, this majestic palace continues to be a venue for important royal ceremonies each year, even though it is no longer the residence of the monarch. The Grand Palace remains one of the most popular tourist attractions in Thailand, attracting 8,995,000 visitors in 2006 alone.

royal palace

พระบรมมหาราชวัง

大皇宫或称曼谷王宫，是泰国王室在拉克辛王朝期间的皇宫，位于曼谷的พระนคร区，自拉玛一世（帕拉塔姆·博通·约达法·朱拉洛克·马哈·拉查）即位至拉玛五世（帕拉塔姆·朱拉乔姆·基拉王）时期。尽管如今不再是国王的居所，但大皇宫仍然是每年举行重要皇室仪式的场所，也是泰国最受欢迎的旅游景点之一。在2006年，前来参观的人数高达8,995,000人。

皇宫

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2325 

เป็นวัดที่สร้างขึ้นในเขตพระบรมมหาราชวัง ตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ สมัยอยุธยา วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก มีพระระเบียงล้อมรอบเป็นบริเวณ เป็นวัดคู่กรุงที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ใช้เป็นที่บวชนาคหลวง และประชุมข้าทูลละอองพระบาทถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

Wat Phra Si Rattana Satsadaram, commonly known as Wat Phra Kaew, is a temple commissioned by King Rama I, the founder of the Rattanakosin Kingdom, in 1782. 

This temple was built within the grounds of the Grand Palace, modeled after Wat Phra Si Sanphet from the Ayutthaya period. It is situated in the outer court of the royal residence on the eastern side, surrounded by a cloister that creates a sacred area. Wat Phra Kaew is a royal temple that does not have resident monks; instead, it serves as the venue for royal ordinations and gatherings where courtiers take the oath of allegiance to the monarch.

Temple of the Emerald Buddha (Wat Phra Kaew)

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

位于曼谷的玉佛寺（Wat Phra Kaew），全名为“普拉西拉特纳萨萨达拉姆寺”，是由蜀王朝的创始人，拉玛一世于公元1782年在建立曼谷后所建的佛教寺庙。

该寺庙位于大皇宫的范围内，设计灵感来自于阿育塔耶时代的普拉西萨那安普寺，位于皇宫的东侧，周围有着围绕的廊道。值得注意的是，这座寺庙并没有常驻的僧侣，而是用作王室的仪式场所，如为王子举行剃发仪式以及举办重要的皇室会议。这座寺庙不仅是泰国的一大文化象征，也是与国家历史紧密相连的重要宗教场所。

TripNiceDay

ทำบุญไหว้พระแปดริ้ว

สร้างบุญรอบกรุงเทพ🎉🗺️🛕

该用户尚未创建任何照片

该用户尚未创建任何地点

该用户尚未创建任何博客