วัดไชยวัฒนาราม อยู่รอบนอกของเกาะเมืองออกไปเล็กน้อย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา วัดแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าปราสาททอง เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายให้พระราชมารดา และใช้จัดพิธีถวายพระเพลิงศพในพระมหากษัตริย์เกือบทุกพระองค์ของอยุธยา และเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือกรุงละแวก (พนมเปญ) โดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด สิ่งที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธานที่ตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของพื้น รายล้อมด้วยปรางค์บริวาร อีก 4 องค์

กระแสจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาสฟีเว่อร์ทำให้เล่าออเจ้าจากทั่วประเทศ ใส่ชุดไทยเดินทางไปเที่ยววัดไชยวัฒนารามกันอย่างล้นหลาม วัดแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในช่วง พ.ศ. 2173 โดยพระเจ้าปราสาททอง 

Wat Chaiwatthanaram is located just outside the city island along the banks of the Chao Phraya River. This temple was built during the reign of King Prasat Thong to dedicate merits to his mother and has been the site for the cremation ceremonies of nearly every king of Ayutthaya. It also serves as a monument commemorating the victory over the Khmer Empire (Phnom Penh) and is modeled after Angkor Wat. 

One of the most interesting features of the temple is the central prang (tower) that stands at the heart of the site, surrounded by four subordinate prangs. 

The popularity surge sparked by the hit series "Bupphesanniwat" has led many people, dressed in traditional Thai attire, to flock to Wat Chaiwatthanaram in grand numbers. This temple is part of the Historic City of Ayutthaya and was constructed in the year 1630 AD by King Prasat Thong, perfectly situated along the banks of the Chao Phraya River.

Wat Chaiwatthanaram

วัดไชยวัฒนาราม

查亚瓦塔纳拉姆寺位于老城岛外稍远的地方，坐落在昭披耶河岸边。这座寺庙是在帕拉萨吐王时期建造的，以献给皇太后的慈善供奉，并用于几乎所有阿育泰王朝国王的火葬仪式，同时也是对打败邻国（即今柬埔寨首都金边）的胜利纪念。寺庙的设计灵感来自吴哥窟，最引人注目的是位于中央的主要金塔，周围则环绕着四座辅助金塔。

因电视剧《初见心动》带动的热潮，来自全国各地的游客纷纷穿上泰式传统服装，前往参观查亚瓦塔纳拉姆寺。这座寺庙是阿育泰历史公园的一部分，建于公元2173年，由帕拉萨吐王所建，坐落于昭披耶河岸边。

柴瓦他那兰寺

"หลวงพ่อโต" วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา หรือ "หลวงพ่อซําปอกง" ประดิษฐานในพระวิหารวัดพนัญเชิง ริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก พระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง

วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย มีจุดเด่นสำคัญ คือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา

"Luang Por To," located at Wat Phanan Choeng in Phra Nakhon Si Ayutthaya Province, also known as "Luang Por Sam Pah Kong," is enshrined in the temple's hall by the banks of the Pa Sak River. This ancient Buddha statue has been a cultural icon for the city of Ayutthaya since its foundation.

Wat Phanan Choeng Worawihan is situated in Moo 2, Khlong Suan Phlu Subdistrict, Phra Nakhon Si Ayutthaya District, in Ayutthaya Province. It is a second-class royal monastery in the Mahayana sect. One of its most significant highlights is the Phra Buddha Trairatana Nayok, or Luang Por Sam Pah Kong, which is the largest Buddha statue in Phra Nakhon Si Ayutthaya.

Wat Phanan Choeng Worawihan

วัดพนัญเชิงวรวิหาร

“Luang Por To” at Wat Phanan Choeng, located in Phra Nakhon Si Ayutthaya Province, also known as “Luang Por Sam Pak Kong,” is enshrined in the temple's vihara by the banks of the Pa Sak River. This ancient Buddha statue has been a symbol of the city since the foundation of Ayutthaya.

Wat Phanan Choeng Worawihan is situated in Moo 2, Khlong Suan Phlu Subdistrict, Phra Nakhon Si Ayutthaya District, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province. It is a second-class royal temple of the Mahanikaya order. The temple's most notable feature is the Phra Buddha Trairatana Nayok, or Luang Por Sam Pak Kong, which is the largest Buddha statue in Phra Nakhon Si Ayutthaya.

Wat Phanan Choeng Worawihan寺

วัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดเจ้าไท" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะพระนคร ปัจจุบันเป็นพื้นที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จุดเด่นของวัดได้แก่เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

Wat Yai Chaimongkol, formerly known as Wat Pak Kaeo or Wat Jao Tai, is located in the southeast of Phra Nakhon Island, now part of Klong Suan Phlu Subdistrict, Phra Nakhon Si Ayutthaya District, in Phra Nakhon Si Ayutthaya Province. The temple's highlight is the large chedi, which is believed to have been renovated during the reign of King Naresuan the Great.

Wat Yai Chaimongkol, Ayutthaya

วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา

大ชัย蒙寺，原名“法中寺”或“王寺”，位于大城府（พระนครศรีอยุธยา）东南方的一个小岛上，如今归属于คลองสวนพลู区。这个寺庙的特色是其宏伟的大塔，据信是在纳雷华大帝时代重新修缮的。

Wat Yai Chaimongkol, 大城府

วัดพระศรีสรรเพชญ เป็นวัดหลวงในพระราชวังโบราณ อยุธยา ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ซึ่งเป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร

Wat Phra Sri Sanphet is a royal temple located within the ancient palace area of Ayutthaya. It does not have any resident monks and serves as a model for Wat Phra Si Rattana Satsadaram in Bangkok.

Wat Phra Si Sanphet

วัดพระศรีสรรเพชญ์

พระศรีสรรเพชญ寺是位于阿瑜陀耶古宫中的一座皇家寺庙，没有僧侣居住。这座寺庙是曼谷的พระศรีรัตนศาสดาราม寺的典范。

วัดนี้เป็นวัดราษฎร์โบราณครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันวัดพิชัยสงครามมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ วัดนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทัพของพระยาตาก

This temple is an ancient public temple from the Ayutthaya period. Today, Wat Phichai Songkhram still hosts monks in residence. This temple serves as the starting point for the military campaigns of Phra Ya Tak.

Wat Phichai Songkhram

วัดพิชัยสงคราม

这座寺庙是亚泰王朝时期的古老公共寺庙，目前仍有僧侣在此修行。这里是大皇帝塔克（พระยาตาก）出征的起点。

披猜宋堪寺

วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในวัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย

Wat Mahathat, located in Phra Nakhon Si Ayutthaya Province, is one of the temples situated within the Historic City of Ayutthaya. This temple holds great significance during the Ayutthaya Kingdom as it enshrined the relics of the Buddha at the heart of the ancient city. Additionally, it served as the residence for the Supreme Patriarch of the Kamavasi sect, highlighting its importance in both religious and historical contexts.

Wat Mahathat Ayutthaya

วัดมหาธาตุ อยุธยา

大寺庙位于阿瑜陀耶省，是阿瑜陀耶历史公园内的一座重要寺庙。大寺庙在阿瑜陀耶王朝时期具有重要意义，因为它是位于城市中心的一座佛骨舍利寺，也是高僧的居所。

大城府玛哈泰寺

วัดธรรมิกราช เดิมชื่อ วัดมุขราช เป็นอดีตพระอารามหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใน อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดกับพระราชวังโบราณ และวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดธรรมิกราช สร้างขึ้นโดย พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา ซึ่งเดิมชื่อวัดมุขราช ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สร้างเป็นวัดธรรมิกราช

Wat Thammikarat, originally known as Wat Mukraj, was a royal temple during the Ayutthaya period. It is located in the Phra Nakhon Si Ayutthaya District of Phra Nakhon Si Ayutthaya Province, adjacent to the ancient palace and Wat Phra Si Sanphet. Wat Thammikarat was built by Phaya Thammikarat, the son of King Sai Nam Phueng, leading to the assumption that it was established before the founding of Ayutthaya. Initially named Wat Mukraj, it was later renamed in honor of its creator, becoming Wat Thammikarat.

Thammikarat Temple

วัดธรรมิกราช

德米克拉寺，原名穆克拉寺，是昔日的皇家寺庙，位于泰国阿育他亚王朝时期，坐落在阿育他亚省的阿育他亚市，毗邻古代皇宫和普拉寺。德米克拉寺由摩克水王的儿子德米克拉大臣所建，因此可以推测这座寺庙是在阿育他亚成立之前建造的。起初名为穆克拉寺，后来根据建造者的名字更改为德米克拉寺。

Thammikarat 寺

เป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกพม่าเผาทำลาย ยังคงความสวยงดงาม มาจนถึงทุกวันนี้ อยากจะชวนทุกคนไปไหว้พระพุทธนิมิตอันศักดิ์สิทธิ์ ขอพรให้สมหวังดังใจ เป็นอีกหนึ่งวัดดังในอยุธยาที่ดาราหลายคนมักจะมาทำบุญไหว้พระเช็คอินกันที่นี่

วัดหน้าพระเมรุ หรือ วัดหน้าพระเมรุราชิการามวรวิหาร ตั้งอยู่ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ริมคลองสระบัวด้านเหนือของคูเมือง ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง มีชื่อเดิมว่า "วัดพระเมรุราชการาม" แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างในสมัยใด

This is the only temple that was not burned down by the Burmese and still retains its stunning beauty to this day. I would like to invite everyone to pay homage to the sacred Phutthanimit Buddha statue and to make wishes for fulfillment. This temple is another famous site in Ayutthaya where many celebrities often come to make merit and check in.

Wat Na Phra Meru, or Wat Na Phra Meru Ratchikaram Worawihan, is located in Phra Nakhon Si Ayutthaya District, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province, along the northern side of Klong Sra Bua, opposite the Grand Palace. Its original name was "Wat Phra Meru Ratchikaram," but there is no evidence of who constructed it or during what period.

Wat Na Phra Men

วัดหน้าพระเมรุ

这是唯一一座没有被缅甸焚毁的寺庙，至今仍保留着其美丽的风貌。我想邀请大家来参拜神圣的佛陀尼密，为自己祈愿，希望能如愿以偿。这是阿育他雅的一座著名寺庙，许多明星常常来这里做功德、参拜、打卡。

面朝皇殿寺，或称面朝皇殿皇家寺庙，位于泰国阿育他雅的帕那空士区，坐落在城市护城河北侧的沙湾地区，恰好对面是皇家城堡。它原名“皇家殿寺”，但并没有确凿的证据表明是谁建造的以及建于什么时期。

วัดมเหยงคณ์ เดิมเป็นพระอารามหลวงฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่เคยสำคัญยิ่งมาในอดีตสมัยอยุธยา โดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒(เจ้าสามพระยา)ทรงสร้างขึ้น
และได้รับการปฏิสังขรณ์หลายครั้งในหลายสมัย แต่ได้กลายเป็นวัดร้าง เข้าใจว่านับตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ รวมเวลาร่วงเลยมา
๒๐๐ กว่าปี ปัจจุบันเป็นวัดร้างที่สภาพโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ยังเหลืออยู่ได้ปรักหักพังไปมาก แต่ก็พอมีเค้าเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงศิลปะการก่อสร้างอันประณีตงดงามมโหฬารและระดับความสำคัญของพระอารามแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

Wat Mahathat, originally a royal monastery of the meditation tradition, held great significance during the Ayutthaya period. It was constructed by King Borommarachathirat II (also known as King Sam Prasart) and underwent several renovations throughout various eras. However, it eventually fell into disrepair and is considered a ruined temple. This decline began after the second sacking of Ayutthaya in 1767, which marked the end of its prominence.

Now, over 200 years later, the temple remains a captivating historical site despite the extensive decay of its ancient structures and artifacts. Yet, the remnants still provide compelling evidence of the exquisite and grand architectural artistry that once characterized this significant monastery.

Wat Maheyong

วัดมเหยงคณ์

วัดมเหยงคณ์曾是阿瑜陀耶时期由三佛泰王（สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒）所建立的重要冥想寺庙，曾在历史上具有重要地位。它经历了多次的修缮，在几代王朝中仍旧屹立不倒。然而，自从阿瑜陀耶第二次被攻陷（公元2310年）后，这座寺庙逐渐变成了一座废弃的寺庙，至今已有200多年的时光。如今，这里已经成为了一处荒废的古迹，虽然残垣断壁，但仍能找到一些古老的遗迹和文物，这些都清晰地展示出昔日这座宏伟寺庙建筑艺术的精美与重要性。

Wat Maheyong寺

9วัด

วัดท่ากระบือ ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางยาง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร วัดท่ากระบือนี้ไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดเกี่ยวกับการสร้างวัด ประมาณว่าสร้างขึ้นในราว พ.ศ.๒๔๓๙ เดิมทีเริ่มเป็นวัดเล็ก ๆ มีพระผู้เฒ่าเป็นเจ้าสำนักดูแลวัดมา ชาวบ้านเรียกว่า วัดท่าควายเนื่องจากชาวบ้านนำควายข้ามไปมาที่หน้าวัด เพราะว่าวัดอยู่กับแม่น้ำท่าจีน พ่อค้าหรือชาวนา ได้นำควายมาเพื่อค้าขายบ้าง ทำนาบ้าง ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๑ พระเดชพระคุณท่านเจ้า พระคุณพระไพโรจน์วุฒาจารย์ ได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่ากระบือ ท่านได้ก่อสร้างวัด พัฒนาวัดมีเสนาสนะต่าง ๆ เช่น พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ เป็นต้น กล่าวได้ว่า ท่านเป็นองค์ริเริ่มสร้างสรรค์ พัฒนาวัดท่ากระบือให้เป็นวัดที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างในสมัยนั้น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ พระเดชพระคุณได้มรณภาพลง พ.ศ. ๒๕๐๑ พระครูสาครบุญวัฒน์ (หลวงพ่อหยัด กตปูญโญ) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทนต่อมาจนถึงปัจจุบันคือ พระครูศิริสาครธรรม (จำนงค์ คุณงโค)

Wat Tha Krabue is located in Bang Yang Subdistrict, Krathum Baen District, Samut Sakhon Province. There is no concrete evidence regarding the exact year of its establishment, but it is believed to have been built around 1896 (B.E. 2439). Initially, it started as a small temple overseen by an elderly monk. The local villagers referred to it as Wat Tha Khwai, due to the frequent passage of buffaloes in front of the temple, as it is situated by the Tha Chin River. Farmers and merchants brought buffaloes to the area for trade and agricultural work.

Later, in 1898 (B.E. 2441), the Venerable Phra Phairoj Wutthachan was appointed by the monastic community as the abbot of Wat Tha Krabue. He undertook the task of constructing and enhancing the temple, establishing various structures such as the ordination hall, a sermon hall, and monk's quarters. It can be said that he was the pioneering force behind the development of Wat Tha Krabue, transforming it into a well-equipped temple for its time.

In 1957 (B.E. 2500), the Venerable Abbot passed away. The following year, Phra Khru Sakorn Boonwat (Luang Pho Yat Katapunyo) was appointed as the new abbot, and he continued in this role until the present abbot, Phra Khru Sirisakorn Tham (Jamnong Kungko), took over.

Wat Tha Krabue

วัดท่ากระบือ

塔卡布寺位于泰国萨拉武里府的卡图姆班区邦扬乡。关于这座寺庙的建立，没有明确的历史记录，推测大约建于公元2439年。最初，这里是一个小寺庙，由一位年长的和尚负责管理，村民们称之为“塔卡威寺”，因为当地人常常带着水牛经过寺庙的前面，寺庙紧邻泰京河。商人和农民们会把水牛带来这里进行交易或耕作。

后来，在公元2441年，尊敬的僧侣帕耶派罗贾仑旺利被僧团任命为塔卡布寺的寺长。他开始建设和发展寺庙，增添了许多建筑，包括佛殿、集众堂和僧舍等。可以说，他是让塔卡布寺在当时变得完备与美好的重要推动者。

到了1960年，尊敬的僧侣去世，而在1961年，僧侣萨卡尔布恩旺（如同号法名为帕尤纳克）被任命为新的寺长，直到今天的寺长为帕苏里萨卡拉坦（法名为詹翁·昆格）。

ศาลพันท้ายนรสิงห์เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีลูกศิษย์ลูกหาแวะมาตลอดทุกวัน นอกจากนั้นยังมีตลาดอยู่ข้างบริเวณศาลด้วย ตอนนี้เป็นสถานที่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีที่จอดรถ มีตลาดขายของ และมีสถานที่ให้ทำบุญหลายอย่าง ด้วยความที่พ่อพันท้ายได้รับการยกย่องนับถือเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์ไม่กลัวชีวิตจะหาไม่ จึงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนรุ่นหลัง ด้านหลังของศาลเป็นหลักประหาร มีศาลเจ้าแม่ตะเคียน ศาลกุมารทอง และมีคลองให้ปล่อยปลาได้ครับ

เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เนื้อความเป็นไปในแบบเดียวกัน ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ใน พ.ศ. 2247 (จุลศักราช 1066) สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ประพาสปากน้ำสาครบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ดด้วยเรือพระที่นั่งเอกชัย มีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้าย ตามหลักฐานชุมนุมพระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงบันทึกไว้ว่า ทันท้ายนรสิงห์เป็นชาวบ้านนรสิงห์แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ และเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 จนทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้รับราชการรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด

การเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรีครั้งนั้น เมื่อเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขาม คลองในบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งอย่างระมัดระวัง แต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้ หัวเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์รู้โทษดีว่า ความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหักผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศรีษะเสีย จึงกราบทูลพระกรุณาน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาท จึงพระราชทานพระอภัยโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมทูลยืนยันขอให้ตัดศรีษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมพระราชกำหนดกฎหมายเป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติเตียนพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดิน และเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไปพระองค์ทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ตัดศรีษะรูปดินนั้นเป็นการทดแทนกัน แต่พันท้ายนรสิงห์ยังกราบบังคมทูลยืนยันขอให้ประหารตน แม้สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 จะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใด ก็ทรงจำพระทัยปฏิบัติตามพระราชกำหนดดำรัสสั่งให้เพชรฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์เสีย แล้วโปรดให้ตั้งศาล สูงประมาณเพียงตา นำศรีษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัยซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล

ข้อมูลจาก เว็บไซต์ ประวัติศาลพันท้ายนรสิงห์ 

The San Phan Tha Khun Nangsih Shrine serves as both a tourist attraction and a sacred site, frequented by students and devotees every day. Additionally, there is a market adjacent to the shrine. Currently, the area is spacious, equipped with parking, shopping stalls, and several locations for making merit. Due to the reputation of Phan Tha Khun Nangsih as a figure of integrity, who was unafraid of losing his life, he serves as a commendable role model for future generations. Behind the shrine, there is a place of execution, the shrine of Mae Takian, the shrine of Kumarn Tong, and a canal where fish can be released.

The story of Phan Tha Khun Nangsih is chronicled in various editions of the Royal Chronicles of Ayutthaya. The accounts are consistent, recounting events from 2247 B.E. (1662 A.D.) when King Sanphet VIII journeyed to Pak Nam Sakon Buri (now Samut Sakhon Province) to fish using the royal barge "Ekchay." Phan Tha Khun Nangsih served as the boatman. According to documentation by His Royal Highness Prince Damrong Rajanubhab, Phan Tha Khun Nangsih was a villager from Nangsih in the Viset Chai Chan district, and was greatly favored by King Sanphet VIII, who granted him the honor of serving in close proximity to the throne.

During the royal visit to Pak Nam Sakon Buri, as the royal barge approached Koke Kham district, the canal in that area was quite winding. Phan Tha Khun Nangsih attempted to navigate the royal barge with great care but could not avoid an accident, as the bow of the barge crashed into a large branch and broke off, falling into the water. Aware of the gravity of the situation, Phan Tha Khun Nangsih realized that such a mistake could warrant a death sentence according to ancient royal tradition, which stated that if the boatman's actions led to the bow breaking, that individual would face execution.

Thus, he respectfully accepted his fate according to royal tradition. King Sanphet VIII reviewed the incident and deemed it an unfortunate accident rather than negligence. He granted clemency to Phan Tha Khun Nangsih. Nevertheless, Phan Tha Khun Nangsih insisted on maintaining the royal customs and requested to be executed to uphold the law and prevent any perceptions that the king had overlooked the regulations of the land. He believed it essential to set a precedent for future generations.

The king, although fond of Phan Tha Khun Nangsih, adhered to the royal decree and ordered the executioner to carry out the execution. Following this, he commanded the creation of clay models of Phan Tha Khun Nangsih to be used as a substitute for the execution, resulting in the beheading of the clay figure instead. However, Phan Tha Khun Nangsih remained steadfast in his request for execution. Despite King Sanphet VIII’s fondness for his loyalty, he upheld the law and ordered Phan Tha Khun Nangsih to be killed, after which he had a shrine built merely an eye's height. The head of Phan Tha Khun Nangsih was displayed alongside the broken bow of the royal barge "Ekchay" on the shrine as an offering.

Information sourced from the website of the History of the San Phan Tha Khun Nangsih Shrine.

Phanthai Norasing Shrine

ศาลพันท้ายนรสิงห์

潘泰纳荣兴庙不仅是一个旅游景点，也是一个神圣的地方，每天都有众多的弟子前来参拜。此外，庙宇周围还有市场。目前，这里是一个宽敞的地方，设有停车场、商品市场和多个捐款场所。由于潘泰纳荣兴被尊敬为一位诚信的人，宁愿以身殉道，因此他成为后人的楷模。庙后有一个处决区，还有妈祖庙、金童庙和供放鱼的渠道。

潘泰纳荣兴的故事载于多个版本的《阿育他耶王朝年表》中，内容相似。故事提及在公元2247年（佛历1066年），国王萨安帕杰第八世（即“虎王”）前往帕克那姆沙坤布里（现今的萨穆特萨孔省）乘坐皇舟与大臣们钓鱼，潘泰纳荣兴则作为船尾的水手。根据王子德拉彭的记录，潘泰纳荣兴是瓦西特查亚区的居民，因受到萨安帕杰第八世的宠爱，受命近侍于国王。

那次前往帕克那姆沙坤布里的行程中，皇舟到达阔喀府时，当地的水道非常弯曲。潘泰纳荣兴谨慎地掌舵，但未能避免事故的发生，船头撞上了树枝，导致树枝折断落入水中。潘泰纳荣兴清楚知道，这一错误在传统上是会受到死刑的惩罚，因为根据古老的王法，如果掌舵的水手导致船头折断，则会被斩首。于是他恭敬地请求国王遵循传统，接受惩罚。国王萨安帕杰第八世认为这是一次意外，而非失职，因此赐予他宽恕。然而，潘泰纳荣兴坚持要求斩首，以维护国家法度和防止其他人因此指责国王对国法的漠视。国王于是下令将所有水手塑造成潘泰纳荣兴的泥塑，并斩首泥塑作为替代。但潘泰纳荣兴仍旧请求赐予他致命的惩罚。尽管国王对他的忠诚深感惋惜，仍然决定遵循王法，命令行刑者处决潘泰纳荣兴，并在庙宇中为他建立一个约一只眼睛高的庙宇，将他的头颅与折断的皇舟船头一起奉献祭祀。

以上信息来源于“潘泰纳荣兴庙历史”网站。

攀泰诺拉辛神社

วัดโกรกกรากขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อปู่แว่นดำ วัดเดินทางง่ายไม่ไกลจากถนนใหญ่มากนัก พื้นที่กว้างขวางแบ่งเป็นสองฝั่งคือฝั่งที่ติดแม่น้ำจะเป็นอุโบสถหลังเดิม ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยหรือที่เรียกกันว่าหลวงพ่อปู่แว่นดำ ตอนนี้ทางวัดกำลังสร้างอุโบสถหลังใหม่ซึ่งอยู่เหนืออุโบสถเดิม เป็นอุโบสถที่ใหญ่โตอยู่บนชั้นลอย ต้องขึ้นบันไดขึ้นไปด้านบน ด้านหลังของวัดติดกับท่าเรือจอดน้ำลึก มึลมเย็นตลอดวัน เป็นวันที่ร่มรื่นกว้างขวาง อากาศถ่ายเทสะดวก มาไหว้พ่อปู่แล้วนำน้ำมนต์กลับบ้านได้ครับ

“พระพุทธรูปใส่แว่นดำ” พระพุทธรูปศิลาแลงปางมารวิชัยศิลปะสมัยสุโขทัยตอนปลาย มีตำนานเล่าว่า ในสมัยก่อนที่การแพทย์ยังไม่เจริญ ได้เกิดโรคตาแดงระบาดขึ้น ชาวบ้านจึงพากันมาบนบานศาลกล่าวว่าถ้าตาหายแดงจะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง ปรากฏว่าชาวบ้านที่เป็นโรคตาแดงพากันหายจนเกือบหมดทั้งหมู่บ้าน จึงได้มีการนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาของหลวงพ่อปู่

Wat Krokkrak is renowned for the sacredness of Luang Por Pu Waen Dam. The temple is easily accessible and located not far from the main road. It boasts a spacious area divided into two sides; the riverfront side houses the original ubosot, where a statue of Buddha in the Mara Victory posture, commonly referred to as Luang Por Pu Waen Dam, is enshrined. Currently, the temple is constructing a new and larger ubosot elevated above the original one, which requires climbing stairs to reach. At the back of the temple is a deep-water dock, providing a cool breeze throughout the day, creating a tranquil and expansive atmosphere with well-ventilated air. Visitors are welcome to pay their respects to Luang Por Pu and can take home sacred water as a blessing.

The "Buddha Statue with Dark Glasses" is a sandstone statue in the Mara Victory posture, crafted in the late Sukhothai style. Legend has it that in ancient times, when medical knowledge was limited, an outbreak of red eye disease occurred. Villagers vowed that if their eyes were healed, they would cover the eyes of the Buddha statue with gold leaf. Miraculously, nearly the entire village recovered from the ailment, leading them to fulfill their promise by adorning the statue's eyes with gold leaf.

Krok Krak Temple

วัดโกรกกราก

格洛克拉克寺以其神圣的“黑眼镜祖父”闻名，寺庙交通便利，离主干道并不远。寺区宽阔，分为两侧，一侧靠近河流，是古老的殿堂，供奉着释迦牟尼佛的胜利姿态（也称为黑眼镜祖父）。现在寺庙正在建造新的殿堂，位于旧殿之上，规模宏大，在高层，需要爬楼梯才能到达。寺庙的后方紧邻深水码头，全天都有凉爽的微风，环境悠闲广阔，空气流通良好，来此拜访祖父，并且可以带回家神水。

“戴黑眼镜的佛像”是一尊苏可泰末期风格的石雕释迦牟尼佛像，传说在医学不发达的古代，曾发生过红眼病的疫情，村民们纷纷祈祷，如果病好就会用金箔封住佛像的眼睛。结果，几乎全村的人都康复了，因此人们便用金箔封住了这尊佛像的眼睛。

克罗克拉克神庙

ค่าเฟในสวน ในอำเภอบ้านแพ้ว เปิดทำการ แล้วจ้า ยินดีให้บริการจ้า

The café in the garden in Ban Phaeo district is now open! We are delighted to serve you!

Phrao Hom Cafe-Phraohomcafe

พร้าวหอมคาเฟ่-Phraohomcafe

花园咖啡馆在班帕威区正式营业啦！欢迎光临，期待为您提供服务！

Phrao Hom 咖啡馆-Phraohomcafe

พระครูสมุทรกิตติวัฒน์ (บุญชอบ สุขวณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดช่องลมได้นิมิตว่า หลวงปู่ทวด โพธิสัตโต มาบอกให้สร้าง ในนิมิตนั้นหลวงปู่ทวด บอกว่าทำไมในเขตจังหวัดสมุทรสงคราม ไม่มีใครสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ๆ เอาไว้สักการะบูชาบ้าง ถ้าสร้างเมื่อใด หลวงปู่จะให้คนที่เขาเคารพนับถือมาช่วยสร้างให้เสร็จโดยเร็ว และก็เป็นจริงดังฝัน พอเริ่มดำเนินการสร้างได้ประกาศให้สาธุชน ที่มีความเคารพนับถือศรัทธาหลวงปู่ทวดได้ทราบและร่วมเป็นเจ้าภาพสร้าง เจ้าภาพละ 10,000 บาท สลักชื่อที่ฐานหลวงปู่ทวด หรือบริจาคตามศรัทธา ผู้มีศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพนับพันคน ดังรายชื่อที่จารึกไว้ในหินแกรนิตรอบองค์หลวงปู่ทวด

Phra Kru Samutkittiwat (Boonchob Sukwanno), the abbot of Wat Chong Lom, had a vision where Luang Pu Toh Bodhisattva appeared to him, instructing him to build a large statue. In this vision, Luang Pu Toh questioned why no one in Samut Songkhram province had constructed a significant statue for veneration. He promised that once the statue was built, he would ensure that those who respect and revere him would come to help complete the project swiftly. 

As a result, when construction began, an announcement was made asking the faithful—those who honor Luang Pu Toh—to join as co-sponsors. Each sponsor was asked to contribute 10,000 baht, in exchange for having their names engraved at the base of the statue or to donate according to their faith. Thousands of believers stepped forward as co-sponsors, and their names are inscribed on the granite stones surrounding the statue of Luang Pu Toh.

Wat Chong Lom, Mae Klong

วัดช่องลม สมุทรสงคราม

พระครูสมุทรกิตติวัฒน์（บุญชอบ สุขวณฺโณ）是วัดช่องลม的住持，他曾有一个梦境，梦见佛祖หลวงปู่ทวดโพธิสัตโต告诉他要建造一尊巨大的หลวงปู่ทวด。在梦中，佛祖提问为何在สมุทรสงคราม省内没有人兴建一尊供人们供奉的หลวงปู่ทวด。在梦中，佛祖承诺一旦 construcción开始，他会派来敬仰他的信士们协助完成。梦境成真，建设开始后，他向信士们宣布，欢迎他们参与这个伟大的事业。每位信士捐赠10,000泰铢将其名字镌刻在หลวงปู่ทวด的基座上，或根据各自的信仰捐款，数千名热心信士共同参与。许多信士的名字刻在环绕หลวงปู่ทวด的花岗岩石上。

Wat Chong Lom, 夜功

วัดจุฬามณี เป็นวัดโบราณ ที่ตั้งอยู่ริมคลองอัมพวา ถือเป็นวัดดังแห่งสมุทรสงครามที่โดดเด่นในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์และความสวยงาม และหากมาวัดนี้ต้องไม่พลาดที่จะเข้าไปกราบไหว้คือ สังขารที่ไม่เน่าเปื่อย ของหลวงพ่อเนื่อง โกวิท อดีตเจ้าอาวาส โบสถ์จัตุรมุขหินอ่อน และองค์ท้าวเวสสุวรรณ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาบูชาหรือเช่าวัตถุมงคล เพื่อเสริมสิริมงกันอย่างมากล้น

Chulamanee Temple is an ancient temple located beside the Amphawa Canal. It is a prominent temple in Samut Songkhram, renowned for its sacred objects and breathtaking beauty. When visiting this temple, one cannot miss paying respects to the incorruptible remains of Luang Por Neung Kowit, a former abbot. The temple features a stunning marble sermon hall and the magnificent statue of Phra Wessuwan, which attracts many tourists who come to pay homage or to acquire auspicious amulets to enhance their fortune.

Wat Chulamani

วัดจุฬามณี

朱拉玛尼寺是一个古老的寺庙，位于安帕瓦河畔，被认为是苏美岛的著名寺庙，以其神圣与美丽而闻名。来到这里，游客绝不能错过参拜已故住持努昂·葛维特法师的不腐尸体，以及华丽的大理石四面佛殿和威斯苏万神像。这些令人敬仰的圣物吸引了许多游客前来朝拜或租借护身符，以期增强自身的吉祥与好运。

朱拉玛尼寺

เป็นวัดเก่าแก่ มีจิตรกรรมฝาผนัง ด้านล่างของวิหารมีช่องเจาะเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นลายนูน เป็นเรื่องพุทธประวัติและกลางวิหารประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองขนาดใหญ่ นอกจากนี้หากแล่นเรือมาทางแม่น้ำแม่กลองผ่านหน้าวัด จะเห็นรูปหล่อเหมือนจริง "หลวงพ่อคงองค์ใหญ่" ซึ่งเป็นพระเกจิแห่งลุ่มน้ำแม่กลองที่ชาวสมุทรสงครามเคารพนับถือเป็นอย่างมาก

This is an ancient temple adorned with stunning mural paintings. Beneath the main hall, there are niches carved out that house beautifully crafted plaster Buddha figures depicting scenes from the Buddha's life. In the center of the hall, you will find a large replica of the Buddha's footprint. Additionally, if you navigate the Mae Klong River and pass in front of the temple, you will see a life-sized statue of "Luang Por Kong," a revered monk and spiritual leader of the Mae Klong River area, held in high regard by the people of Samut Songkhram.

Wat Bangkaphom

วัดบางกะพ้อม

这是一座古老的寺庙，内部装饰有精美的壁画。在殿堂的下方，有一个雕刻的拱形小窗，供奉着浮雕风格的佛像，内容与佛教历史紧密相关。而在殿堂中央，安放着一尊巨大的佛足模型。此外，如果沿着梅胶河划船经过寺庙前，可以看到一尊逼真的“巨型留教父像”，他是梅胶河流域受到当地居民高度敬重的高僧。

邦卡蓬寺

ออม

วัดหลวงพ่อกวย หรือวัดโฆสิตาราม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบางเลน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน 17 วา ทางทิศตะวันตกจรดลำคลองบ้านไผ่คอกวัว ปัจจุบันมีพระปลัดเกรียงเดช ฐานธมฺโม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดโฆสิตารามสร้างเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2494

Wat Luang Por Kuay, also known as Wat Khositaram, is a public temple under the Mahayana sect, located in Bang Len sub-district, Bang Len district, Nakhon Pathom province. The temple occupies a land area of 15 rai, 2 ngan, and 17 wah, bordered to the west by the Klong Ban Phai Khok Wua canal. Currently, Phra Palad Kriangdej Thammamo serves as the abbot. Wat Khositaram was established on July 1, 1951.

Wat Kositaram (Luang Por Kuay)

วัดโฆษิตาราม (หลวงพ่อกวย)

法王关寺又名呼斯塔拉姆寺，是属于大乘佛教的寺庙，位于泰国那空帕塞省邦连县的邦连镇。寺庙占地面积为15莱2坎17瓦，西侧临近巴彦海沟。目前，该寺的住持是比丘基里德·塔南喃。在2494年7月1日，呼斯塔拉姆寺正式成立。

เที่ยวชุมชนพอหอมปากหอมคอ แวะกลับไปตลาดโรงพักเก่าสรรพยาอีกรอบ ที่นี่ไม่ได้มีแค่ Night Market เท่านั้น แต่เราสามารถแวะมาเที่ยวช่วงกลางวันได้ด้วย มื้อกลางวันวันนี้เราแวะมาชิม 3 ร้านเด็ดในตลาดเก่าสรรพยา ร้านแรก คือ ร้านข้าวแดงผัดกะเพราคลุก ร้านที่สอง แวะไปลอง โอเลี้ยงห้องขัง ที่ร้านกาแฟโบราณที่อยู่คู่ตลาดสรรพยามาอย่างยาวนาน สังเกตได้จากหม้อต้มกาแฟที่ใช้ยังคงเป็นเตาถ่านแบบโบราณ

I visited the Por Horm Pak Horm Community and made a stop back at the old Sappaya Police Station Market. This place offers more than just a night market; it's also great for daytime visits. For lunch today, we decided to try three outstanding restaurants in the old Sappaya Market. 

The first stop was at the restaurant known for its spicy stir-fried basil with red rice. The second stop was to sample 'O-Liang' (Thai iced coffee) at a vintage coffee shop that has long been a staple of the Sappaya Market. You can easily spot it by the traditional charcoal stove they still use to brew their coffee.

Sappaya Old Market

ตลาดเก่าสรรพยา

游览了社区“足够令人满意”的地方，难得再回到“旧警局市场”，这里不仅仅是夜市，我们也可以在白天来游玩。今天中午，我们决定在旧市场尝试三家美味的餐馆。第一家是“红米饭炒罗勒”，第二家则是去尝试在古老咖啡馆里的“监狱咖啡”，这家咖啡馆与旧市场紧紧相伴，已经有很长的历史了。可以看到，咖啡的烹煮方式依然使用着传统的炭火锅。

沙巴亚旧市场

ขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทยและเป็นสายเลือดใหญ่ที่ใช้ประโยชน์ทางด้านชลประทานและการทดน้ำเพื่อการเกษตรโดยระบายน้ำจากแม่น้ำในภาคเหนือสู่ภาคกลางและอ่าวไทย ส่งต่อไปยังพื้นที่เพาะปลูกภาคกลาง เข้าคลองส่งน้ำสายใหญ่รวม 5 สาย คือ แม่น้ำน้อย แม่น้ำท่าจีน คลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง คลองชัยนาท-ป่าสักและคลองชัยนาท-อยุธยา อีกทั้งยังใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับจ่ายในจังหวัดชัยนาทความแข็งแรงของเขื่อนก่อสร้างด้วย 
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเที่ยวชมคือเดือนมกราคม เนื่องจากช่วงต้นปีจะมีบรรยากาศเย็นสบายผ่อนคลายด้วยวิวทิวทัศน์สวยงามน่ารื่นรมย์พร้อมรับชมฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นที่ออกมาหากินยังแม่น้ำเหนือเขื่อนนับเป็นภาพความงามตามธรรมชาติที่หาชมได้ยาก

The first irrigation dam in Thailand and a major waterway that benefits agricultural irrigation by channeling water from the rivers in the north to the central region and the Gulf of Thailand, it directs water to the cultivation areas in Central Thailand through five main canals: the Minor River, Tha Chin River, Makham Thao-U Thong Canal, Chai Nat-Pasak Canal, and Chai Nat-Ayutthaya Canal. Additionally, it is utilized for electricity generation supplied to Chai Nat province. The dam's construction demonstrates remarkable strength.

The ideal time to visit is in January, as the early months of the year offer a cool and refreshing atmosphere, complemented by beautiful and pleasant views. Visitors can witness flocks of thousands of waterfowl foraging along the river upstream of the dam, creating a stunning natural scene that is rare to find.

Chao Phraya Dam

เขื่อนเจ้าพระยา

泰国第一座水库，是用于灌溉和农业用水的重要水源。它从北部的河流引水，流向中央平原和泰国湾，经过五条主要的引水渠，分别是小河、塔京河、玛哈马提老沟-乌通沟、查纳特-帕萨克沟和查纳特-阿育泰沟。此外，该水库还为查纳特省提供电力，工程坚固耐用。

最佳的旅游时间是每年的一月份，因为这个时候气候凉爽宜人，风景如画，游客可以欣赏到成千上万只水鸭在水坝上游弋觅食，这是一幅极为珍贵的自然美景。

湄南河大坝

ผลิตภัณฑ์ผักตบชวาบ้านอ้อย

เป็นร้านที่คุ้นเคยมานานกว่า 30 ปี ร้านนี้ ตั้งชื่อ ตามต้นไม้ที่ขึ้นอยู่หน้าร้าน คือต้นตะขบ บริเวณนี้คือห้องแถว บ้านพักลูกจ้างชลประทาน แต่เจ้าของร้าน ชอบทำอาหารขาย มีคนมาทานเป็นจำนวนมาก เจ้าของพูดน้อย ถ่อมตน ไม่ยอมตั้งชื่อ ตัวเอง ทุกคนเลยเรียกว่า ต้นตะขบ

This is a restaurant that has been around for over 30 years, named after the tree that grows right in front of it—the tamarind tree. The area comprises row houses that were once used as accommodations for irrigation workers. Despite its humble setting, the owner loves to cook and serves food that attracts many customers. The owner is quiet and modest, refusing to name themselves, which is why everyone simply refers to them as 'Tamarind Tree.'

Ton Takhop Shop

ร้านต้นตะขบ

这是一家经营了超过30年的老店，这家店以店前的树木命名，即“榕树”。这个地方是工人宿舍的排屋，店主喜欢做饭出售，吸引了很多前来用餐的人。店主话不多，谦逊低调，从不自称，因此大家都称他为“榕树”。

Ton Takhop 商店

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี ตั้งขึ้นด้วยความสนใจของพระชัยนาทมุนี (นวม สุทัตโต)อดีต เจ้าคณะจังหวัดชัยนาทและอดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ซึ่งได้รวบรวมศิลปวัตถุ โบราณวัตถุที่พบ  ในเขตจังหวัดชัยนาทและบริเวณใกล้เคียงมาเก็บรักษา      ไว้ในพิพิธภัณฑสถานของวัดเป็นจำนวนมาก ต่อมา พระชัยนาทมุนีได้ยินดีมอบศิลปวัตถุ โบราณวัตถุดังกล่าวให้เป็นสมบัติของชาติ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทย ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๙กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานขึ้นในบริเวณใกล้กับวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ตั้งชื่อว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี เพื่อเป็นที่ระลึกแด่พระชัยนาทมุนี  เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ เป็นต้นมา

The Chai Nat Muni National Museum was established through the interests of Phra Chai Nat Muni (Nuam Sutatto), the former abbot of Wat Phra Boromthat Worawihan and the former head of the Chai Nat province. He collected a significant number of art and archaeological artifacts found in the Chai Nat province and its surrounding areas, preserving them at the temple's museum. Later on, Phra Chai Nat Muni generously donated these art and historical treasures to become national assets for the benefit of education in Thai history and archaeology. 

In 1966, the Fine Arts Department began constructing a museum building near Wat Phra Boromthat Worawihan, naming it the Chai Nat Muni National Museum in honor of Phra Chai Nat Muni. The museum has been open to the public since 1969, allowing visitors to explore and appreciate the rich cultural heritage and history of the region.

Chainat Muni National Museum Chainat Province

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชัยนาทมุนี จังหวัดชัยนาท

国家博物馆乞那吞密是因乞那吞密（那姆·苏塔托）王子曾任乞那吞省的主教和พระบรมธาตุวรวิหาร的前住持的兴趣而成立的。他收集了在乞那吞省及其周边地区发现的大量艺术品和古物，并将其保存在寺庙的博物馆中。后来，乞那吞密尊者愉快地将这些艺术品和古物赠予国家，以促进泰国历史和考古学的教育。因此，在公元1966年，文化部开始在靠近พระบรมธาตุวรวิหาร的地区建设博物馆，并命名为国家博物馆乞那吞密，以纪念乞那吞密尊者。自1970年起，博物馆便向公众开放参观。

猜纳牟尼国家博物馆猜纳府

สวนนกชัยนาทมีขนาดกว้างใหญ่ 248 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาพลอง ก่อนถึงตัวเมืองประมาณ 4 กิโลเมตรโดดเด่นด้วยซุ้มประตูขนาดใหญ่ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยที่สวนนกชัยนาทแห่งนี้นับเป็นสวนนกที่รวบรวมเอานกพันธุ์ไทย และต่างชาติหลากหลายพันธุ์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมมากถึง 63 กรง ภายใต้บรรยากาศร่มรื่น ของต้นไม้ใหญ่ แต่ที่เป็นไฮไลท์ และนับเป็นกรงนกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียนั้นต้องยกให้กับ กรงนกขนาด 180x240x24 เมตร ที่ภายในมีนกหลากหายสายพันธุ์ รวมถึงมีการสร้างน้ำตกเทียมสวยงามให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าชมและเสริมบรรยากาศให้ร่มรื่นด้วยสวนบริเวณโดยรอบที่มีทั้งอ่างน้ำขนาดใหญ่ และสวนสุขภาพ เพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวเมืองได้มาเดินเล่นพักผ่อนกันในช่วงวันหยุด

Chai Nat Bird Park spans an impressive 248 rai and is located at the foothills of Phlong Mountain, approximately 4 kilometers from the city center. The park is adorned with a grand entrance archway that greets visitors as they arrive. This bird park is notable for its diverse collection of both Thai and international bird species, featuring up to 63 enclosures within a lush environment filled with towering trees.

One of the park's highlights is its enormous aviary, measuring 180 x 240 x 24 meters, which is recognized as the largest bird cage in Asia. Inside, visitors can admire a wide variety of bird species, and the park also boasts a beautifully crafted artificial waterfall. This enchanting setting enhances the relaxing atmosphere, complemented by a large pond and health gardens that provide perfect spots for tourists and locals to stroll and unwind during their weekends.

Chainat Bird Park

สวนนกชัยนาท

在华灿鸟园，面积广阔达248英亩，位于普朗山脚下，距离市中心约4公里。这里以一座大型拱门迎接游客，华灿鸟园是一个汇聚了多种国内外鸟类的鸟类园，游客可以欣赏到多达63个鸟笼。在这片树木葱茏的环境中，最大的亮点无疑是亚洲最大的鸟笼，尺寸为180x240x24米，里面养着各种鸟类。还有一个美丽的人造瀑布供游客欣赏，周围的环境也增添了不少生机，设有大型水池和健康花园，供游客和当地居民在假日时光里漫步和休憩。

猜纳飞禽公园

วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (วัดเขาพลอง) ตั้งอยู่ตำบลเขาท่าพระ อำเภอเมืองชัยนาท บริเวณไหล่เขาเป็นที่ตั้งของสำนักปฏิบัติธรรมและเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธอริยธัมโม" พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ศิลปะสุโขทัยที่งดงามมาก บนยอดเขารถยนต์สามารถเข้าถึงได้ เป็นที่ประดิษฐานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขนาดใหญ่สีทองและเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์เมืองชัยนาทที่สวยงามทั้งในเวลากลางวันและยามค่ำคืน ภายในพระอุโบสถบนยอดเขามีรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดัง 3 องค์ คือ หลวงพ่อชื้น หลวงพ่อกบ และหลวงพ่อโอภาสี

Phathtamthesana Aranya Wasi Temple (Khao Plong Temple) is located in Khaothapra sub-district, Mueang Chainat district. Nestled on the hillside, it serves as a meditation center and is home to the magnificent "Phra Buddha Ariyadhammo," a large Sukhothai-style Buddha statue in the Mara Victory posture. The temple can be accessed by car up to the summit, where a large golden relic of the Buddha is enshrined. It also offers stunning views of Chainat city, both during the day and at night.

Inside the main hall at the top of the hill, there are statues of three renowned monks: Luang Por Choon, Luang Por Kob, and Luang Por Opasi.

Wat Pathomthena Aranyawasi (Wat Khao Plong)

วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (วัดเขาพลอง)

位于该府的凯塔帕（Khao Thap Phra）区的帕宗寺（Wat Pathom Thep Saram）是一个迷人的佛教寺庙，坐落在山坡上。这里是一个冥想中心，同时也是供奉“佛陀阿里亚达摩”（Phra Buddha Ariya Dhammo）的地方，这是一尊宏伟壮观、以素可泰风格雕刻的大型释迦牟尼像。

车辆可以直接开上山顶，在这里可以看到一座大型金色佛舍利塔，塔内安放着佛陀的圣骨，同时这里也是观赏美丽的Chai Nat市全景的理想之地，无论是白天还是晚上。寺庙的主殿内摆放着三位著名的高僧雕像，分别是隆波钦（Luang Por Chin）、隆波戈（Luang Por Kob）和隆波奥巴西（Luang Por Opasi）。这里不仅是宗教朝圣的地方，也吸引了众多游客前来观光。

วัดปากคลองมะขามเฒ่า หรือเรียกว่า วัดปากคลอง ตามชื่อบ้าน สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ รูปเหมือนหลวงปู่ศุข รูปเหมือนกรมหลวงชุมพร เจ้าแม่กวนอิม มณฑป (หลวงปู่ศุข ได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2456) อุโบสถซึ่งภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์และมีข้าราชบริพารร่วมเขียนด้วย ทั้งหมดเขียนด้วยอักษรขอม ผนังด้านใต้มีภาพเขียนที่บอกเวลาเขียนไว้คือปี พ.ศ. 2433

Wat Pak Khlong Makham Thao, commonly known as Wat Pak Khlong, is named after the village it resides in. Among the important features of the temple are the statue of Luang Phu Suk, the statue of Prince Chumphon, and the statue of Guanyin. The pavilion was built by Luang Phu Suk in 1913, while the ordination hall boasts stunning murals created by Prince Chumphon and his royal entourage, all inscribed in Khmer script. Notably, the murals also include a date inscribed in the lower wall, indicating they were painted in 1890.

Wat Pak Khlong Makham Thao

วัดปากคลองมะขามเฒ่า

帕克朗玛哈姆涛寺，或称为帕克朗寺，因其所在村庄而得名。寺内的重要遗物包括老法师苏克的塑像、军事领袖朱姆蓬的像、观音菩萨像以及一个由老法师苏克于公元2456年建立的亭子。寺庙的法堂内装饰着壁画，这些壁画是由朱姆蓬亲自创作，并有朝廷的臣子参与绘制。所有的文字都是用高棉文书写的，而墙面底部则有一幅画作，标明了创作时间为公元2433年。

TripNiceDay

9วัด

ออม

น้องออมไปเที่ยววัด

该用户尚未创建任何照片

该用户尚未创建任何地点

该用户尚未创建任何博客