ท่องเที่ยวชุมชนเมืองพริบพรี

ท่องเที่ยวชุมชนเมืองพริบพรี

  • เขียน 12/10/2020
  • วันที่เดินทาง 10/10/2020
  • อ่าน 2,468 ครั้ง
ตามไปเที่ยวชุมชนเมืองเพ็ชร์กันค่ะ เขียนแบบนี้เลย จากพริบพรี 👉 เพ็ชร์บุรี 👉 แล้วก็เพชรบุรี เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยเรื่องราว วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมอันหลากหลาย ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นก็ทรงคุณค่ายิ่ง จัดว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ที่มีการร้อยเรียงเรื่องราวบอกเล่าให้แขกผู้มาเยือนได้ Wow! กับการได้เที่ยวได้เรียนรู้กันแบบชิค ๆ คูล ๆ เลยล่ะ

จริง ๆ ครั้งนี้เรามาทำงานที่มีการเกี่ยวโยงกับเส้นทางการท่องเที่ยว จึงถือเป็นโอกาสดีได้มาทำความรู้จักเมืองเพ็ชร์และผู้คนที่นี่กันแบบจริง ๆ จัง ๆ

ชุมชนต้อนรับพวกเราด้วยขนมที่ทำทานกันได้ง่าย ๆ ตามบ้าน อย่างมันทิพย์ เผือกทิพย์อร่อยพอดีคำ ทานคู่กับน้ำฝางจะร้อนหรือเย็นเลือกได้ตามใจ ฝางเป็นสมุนไพรที่ดีต่อใจ และดีต่อตับ ช่วยเรื่องเลือดลมผู้หญิงกินดีผู้ชายกินได้ และอีกวันก็จะเป็นขนมเปียกปูนคู่กับน้ำเก๋ากี้หรืออีกชื่อว่าโกจิเบอร์รี่ที่เรารู้จักกันดี ลอยน้ำอุ่น ๆ ออกสีม่วงน่าทาน เก๋ากี้สมุนไพรชั้นเลิศประโยชน์ดี ๆ มากมายสาธยายไม่หมด

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนเมืองเพ็ชร์ เป็นความร่วมมือกันของชุมชนคลองกระแชง ชุมชนตลาดริมน้ำ และชุมชนวัดเกาะ ที่มีแนวคิดในการจัดการการท่องเที่ยวชุมชนในย่านเพชรบุรีให้เกิิดการอนุรักษ์วิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันดีงาม กระจายรายได้ให้กับชุมชน ทุกคนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของร่วมคิดร่วมบริหารจัดการ และเกิดเป็นพื้นที่ต้นแบบในการพัฒนาพื้นที่ที่คำนึ่งถึงวิถีชีวิต เศรษฐกิจของคนในชุมชน

พี่โฟล์ค เป็นประธานกลุ่มฯ และยังเป็นนักสื่อความหมายที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตความเป็นอยู่และความเป็นไปในเมืองเพ็ชร์ให้เราได้เรียนรู้เข้าใจเห็นภาพไปตามสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญ ๆ หลายจุดในชุมชนเลยค่ะ

จุดแรกพี่โฟล์คชี้ชวนให้พวกเราได้เห็นถึงฝีมือปูนปั้นสกุลช่างเมืองเพชรบุรี ของครูพิณ อินฟ้าแสง ที่แสดงถึงผลงานประติมากรรมปูนปั้นหน้าบันวิหารวัดพลับพลาชัย ที่สมัยนั้นมีการนำหนังสัตว์มาเคี่ยวให้เป็นกาว และปั้นกันแบบสด ๆ ไร้ซึ่งโครงร่างหรือแบบร่างใด ๆ ไว้ก่อนเลย รูปต่าง ๆ ที่ปรากฏบนปูนปั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนในช่วงเวลานั้นได้อีกด้วย

“ถึงคุ้งเคี้ยวเลี้ยวลดชื่อคดอ้อย ตะวันคล้อยคล้ำฟ้าในราศี ค่อยคล่องแคล่วแจวรีบถึงพริบพรี ประทับที่หน้าท่าพลับพลาชัยด้วยวัดนี้ที่สำหรับประทับร้อน นรินทรท้าวพระยามาอาศัยขอเดชะอานุภาพช่วยปราบภัย ให้มีชัยเหมือนนามอารามเมืองดูเรือแพแซ่ซร้องทั้งสองฟาก บ้างขายหมากขายพลูหนวกหูเหืองนอนค้างคืนตื่นเช้าเห็นชาวเมือง ดูนองเนืองนาวาบ้างมาไป”

เป็นหนึ่งในนิราศเมืองเพชรของสุนทรภู่เมื่อคราวมาราชการที่เมืองเพชรบุรีแห่งนี้ ยิ่งสะท้อนถึงความสำคัญของสถานที่อย่างวัดพลับพลาชัยและยังให้เห็นภาพการใช้ชีวิตของคนย่านเมืองเก่าในช่วงเวลานั้นได้ชัดเจนขึ้นไปอีก จึงได้มีการสร้างอนุสรณ์สุนทรภู่ไว้บริเวณท่าน้ำหลังวัดพลับพลาชัย

เดินต่อไปอีกนิด พี่โฟล์คได้เปิดบ้านของนักเขียนราชาเรื่องสั้นเมืองไทย “มนัส จรรยงค์” ที่มีการเก็บผลงานและเรื่องราวของท่านไว้มากมาย พี่โฟล์ค หรือ ปภังกร จรรยงค์ เป็นหลานในสายสัมพันธ์ใกล้ชิด ได้เล่าเรื่องราวความรักของคุณมนัส จรรยงค์ กับ คุณอ้อม บุนนาค ให้เราได้ฟังอย่างคล้อยตามในความรู้สึกรักของคนทั้งสองในยุคนั้นที่ผ่านความยากลำบากและฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน เรานี้ฟังแล้วซึ้งเลย ชอบมาก นอกจากนี้ ผลงานของคุณมนัส ยังมีความน่าสนใจอีกหลายแง่มุม หนึ่งเล่มที่พี่โฟล์คแนะนำให้อ่านคือ “ฝันร้ายในชีวิตของข้าพเจ้า บันทึกความทรงจำของพระยาสุรพันธเสนี” ที่สะท้อนเรื่องราวความเป็นจริงของนักโทษเกาะตะรุเตา หรือพระยาสุรพันธเสนี (อิ้น บุนนาค) พ่อของคุณอ้อม บุนนาค นั่นเอง (น่าไปหาอ่านมาก)

เลียบเลาะไปตามถนนคลองกระแชง สัมผัสได้ถึงอัธยาศัยของผู้คนระแวกนี้ ยิ้มทักทายผู้มาเยือนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ขณะเดียวกันทุกคนก็ใช้ชีวิตไปตามปกติวิสัย ไม่ต้องมีสิ่งใดมาเสริมปรุงแต่ง สิ่งที่แสดงคือธรรมชาติของคนแถวนี้อย่างแท้จริง

ที่นี่เราจะพบเห็นStreet Art อยู่ตามถนน กำแพง แม้แต่เสาไฟ ไม่ใช่เพียงแค่ภาพอะไรก็ได้ แต่ทุกลายเส้นล้วนมีความหมาย สื่อถึงความเป็นตัวตนของคนเมืองเพ็ชร์ “แวดล้อมคือตัวตน” เป็นหนึ่งในแนวคิดของผลงานการออกแบบกราฟิกในพื้นที่สาธารณะ (Public Art) โดยกลุ่มเซียมไล้ ที่มีการศึกษาและค้นหาอัตลักษณ์ของชุมชนเมืองเพ็ชร์แห่งนี้ ทั้งภาพเรือกระแชง ชื่อเรียกเมืองพริบพรีในสมัยก่อน การแต่งกายในยุคนั้น บ้านเรือนการประกอบอาชีพ รวมไปถึงภาพของนักแสดงในตำนานอย่างมิตร ชัยบัญชา ก็มีเรื่องราวความน่าสนใจไม่น้อยเลยในบ้านเล่าเรื่องมิตร ชัยบัญชา

ถัดไปอีกนิด เราก็จะได้พบกับท่าน้ำสมบัติเมืองเพชรบุรี ในจุดนี้ครูเจี๊ยบ กิตติพงษ์ พึ่งแตง ที่มาในชุดลอยชายเป็นการแต่งกายตั้งแต่สมัยอยุธยาของพื้นที่นี้เลย ครูเจี๊ยบ รับหน้าที่ในการถ่ายทอดและสาธิตการดำน้ำไปเจอสมบัติโบราณต่าง ๆ ในยุคนั้น ที่มีการเก็บรักษาและนำมาศึกษาจนได้ข้อมูลเพิ่มเติม ได้เล่าถึงความเป็นมาของเมื่อหลายร้อยปีก่อนนี้

แล้วพี่โฟล์คก็พาเราขึ้นไปบนศาลาคามวาสี (แปลว่า ศาลากลางบ้าน) ที่มีการเก็บภาพเก่าในแต่ละยุคสมัย รวมทั้งของเก่าแก่มากมายหลายชิ้นไว้ในตู้เก็บรักษาดูแลไว้อย่างดี

เดิน ๆ ไป มีเด็กขายข้าวเกรียบว่าว ถุงละ 20 บาท จริง ๆ ก็ยังไม่ได้อยากกินหรอก แต่ก็อยากอุดหนุนเด็กแหละ ก็เลยซื้อ แล้วก็เดินไปกินไป ก็อร่อยดีแหละ แล้วก็มีเด็กในชุมชนที่มารวมกลุ่มกันทำกิจกรรมวันเสาร์อาทิตย์ร่วมเดินไปกับเรา เราก็ชวนน้อง ๆ กินข้าวเกรียบว่าวกัน แต่น้องบอกไม่เอาหรอก อันนี้อาหารปลา อ้าว?! 555 แถวบ้านพี่มันเป็นอาหารคนนะ ก็นึกว่าเด็กพูดเล่น ผ่านไปอีก ในร้านค้าแหละ ก็ประมาณว่าเอาไปให้ปลากินได้นะ เราก็อ่อ เข้าใจละ อย่างนี้นี่เอง 555

เราเดินข้ามสะพานไปถึงชุมชนตลาดเก่า ตลอดระยะทางก็แวะพูดคุยร้านโน้นร้านนี้ไปเรื่อย คนในชุมชนเป็นลักษณะของคนเมืองที่อาชีพส่วนใหญ่ก็ค้าขาย รับราชการ เป็นทนายความ คุณป้า คุณตา คุณยาย หลายท่านพูดคุยอย่างเป็นกันเอง สังเกตว่าแทบทุกคนมีพื้นฐานความรู้ที่ดีและยังมีสุขภาพแข็งแรงกัน

อย่างคุณยายท่านนึง ยิงคำถามให้กับหน่วยงาน/องค์กรแบบคนตอบต้องอึ้ง ๆ กันเลย 555 จนต้องถามถึงภูมิหลัง อ่อ คุณยายมีดีกรี ป.เอก จากสหรัฐอเมริกาเชียวนะ ความจำยังแน่นแบบที่คนหนุ่มสาวอายเลยล่ะ

ถนนในชุมชนจะถูกสะท้อนเรื่องราวที่เป็นปัญหาในปัจจุบันออกมาในรูปแบบงานศิลปะด้วย อย่างภาพวาดลิงตามถนนหนทางที่จะเห็นอยู่หลายจุด ก็จากที่ทุกวันนี้ลิงเข้ามาในหมู่บ้าน และบางครั้งก็อาจสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คน ซึ่งก็เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขกันไป และที่เห็นมีเยอะก็จะเป็นรูปน้องแมวน้องหมาตามกำแพง ดูน่ารักน่าหลงใหล จากการสอบถามได้ความว่ามีคนชอบเอาหมาแมวมาปล่อยทิ้งมากมาย จึงอยากให้ภาพวาดน่ารัก ๆ สะท้อนและเตือนใจผู้คนด้วย ที่ดูจะเป็นพระเอกของซอยก็น้องแมวก๋องแก๋งที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปด้วย ซึ่งเป็นแมวที่มีอยู่จริงแต่เสียดายที่น้องเพิ่งเสียชีวิตไป ภาพต่าง ๆ เหล่านี้ ชุมชนช่วยกันรังสรรค์ขึ้นมาเองด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน และถ้าสังเกตตั้งแต่ถนนคลองกระแชงเราจะเห็นลายหนังใหญ่อยู่ที่ตามเสาไฟฟ้าตามทางเดิน ก็จะบ่งบอกถึงอัตลักษณ์และความเป็นมาของชุมชนได้อย่างดีเลย

เดินมาสักหน่อยจะเจอร้านแนะนำ ข้าวแช่แม่อร ขายมายาวนานกว่า 40 ปี ไม่ชิมไม่ได้แล้ว ข้าวแช่สูตรดั้งเดิมมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยน้ำแข็งบาง ๆ มีเครื่องเคียงมา 3 อย่าง เป็นไชโป้วผัดหวาน ลูกกะปิ ปลากะเบนผัดหวาน ชุดละ 20 บาทเท่านั้น การกินที่ถูก ต้องไม่เอาเครื่องเคียงไปใส่ในข้าวนะคะ เราไม่ได้กินเป็นกับข้าวค่ะ ต้องกินข้าวแช่ 1 คำ แล้วค่อยตักเครื่องเคียงตาม 1 คำค่ะ อร่อยชื่นใจดี ก็จะเห็นมีลูกค้าทั้งมานั่งทานทั้งซื้อใส่ถุงกลับบ้าน แล้วเราก็เดินลัดเลาะดูตลาดดูผู้คนไปเรื่อย

มีเวลาก่อนอาหารมื้อเที่ยง พี่โฟล์คพาเราเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ที่อยู่ในวัดพลับพลาชัย เล่าถึงที่มาที่ไปของการตอกหนังใหญ่ ที่เป็นศิลปะช่างสิบหมู่เมืองเพชรบุรี โดยเริ่มจากหลวงพ่อฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ ระดมช่างฝีมือของเมืองเพชรบุรีให้มาร่วมกันตอกลวดลายลงบนหนังสัตว์ขนาดใหญ่ที่ถ่ายทอดความดีความชั่วจากตัวละครรามเกียรติ์ที่เรารู้จักกันดี เพื่อนำไปแสดงเป็นมหรสพ ซึ่งมีโอกาสได้แสดงต่อหน้าพระพักตร์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จวันวางศิลาฤกษ์สร้างพระรามราชนิเวศน์อีกด้วย

เมื่อได้ฟังเรื่องราวก็ต้องลงมือทำด้วยสิ ถึงจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ได้ร่วมเรียนรู้และมีประสบการณ์ไปกับชุมชน ทางชุมชนเตรียมอุปกรณ์การตอกกระดาษลายหนังใหญ่ให้กับผู้มาเยือนได้ลงมือทำด้วยตัวเอง ก็จะมีกระดาษลอกลายประกบติดกับกระดาษสีดำใช้แทนหนัง (เพราะถ้าเอาหนังมาตอกกันจริง ๆ นี่ คาดว่าข้ามวันก็ไม่เสร็จ ทั้งหนาทั้งยากและทั้งมีราคาแพง) สิ่ว ตุ๊ดตู่ (จะเป็นแท่งกลม ๆ) และค้อนเล็กสำหรับการตอกลงบนเขียงไม้

พี่น้อย ได้แนะนำเทคนิคการตอกแบบศิลปะช่างศิลป์ให้กับพวกเรา นี่ขนาดว่าเป็นกระดาษนะ ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ เราใช้เวลาน่าจะครึ่งชั่วโมงได้กว่าจะเสร็จ ระหว่างการทำให้เราได้จดจ่อมีสมาธิ แต่ก็แอบเร่งกับเวลานิดนึง แต่ก็สนุกดีอ่ะ ชอบเลย

ในที่สุดก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ภูมิใจสุด ๆ 555 ทางพี่น้อยได้เตรียมกรอบไว้ให้ใส่ด้วยล่ะ เมื่อสร้างสรรค์งานศิลปะเสร็จก็ได้เวลาอาหารกลางวัน ทางชุมชนเตรียมสำรับแบบโตกให้แต่ละคน จัดเป็นชุดมีฝาปิดมิดชิดดูสะอาดตาน่ารับประทาน เมื่อเปิดดูพบเมนูท้องถิ่นของย่านนี้ก็จะมีข้าวผัดแดง แกงหัวตาลใส่หมู ใบชะครามกุ้ง ขนมจีนทอดมัน และที่ขาดไม่ได้ก็คือขนมหม้อแกงค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย เรากินหมดเกลี้ยงเลยล่ะ (แอบติดใจแกงหัวตาล อยากหากินอีก)

ในช่วงบ่ายทางชุมชนฯ เตรียมรถรางให้กับพวกเราไปนั่งชมเมืองชมเรื่องราวเมืองมรดกทางวัฒนธรรมแห่งนี้กัน ผู้รับอาสาเป็นผู้สื่อความหมายเมืองเพชรให้กับพวกเราก็จะเป็นครูเจี๊ยบกับพี่โฟล์คค่ะ รถรางพาเราลัดเลาะไปตามถนนดำเนินเกษม เริ่มจากวัดพลับพลาชัยจุดที่มองซ้ายมือก็เป็นวัดพลับพลาชัย มองขวามือก็ใช่วัดพลับพลาชัย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ก็เพราะถนนดำเนินเกษมเกิดขึ้นทีหลังวัดและมีการตัดผ่านเส้นนี้ ทำให้วัดพลับพลาชัยเป็น 2 ส่วน มีด้านสังฆาวาสกับพุทธาวาส ซึ่งก็มีพื้นที่โอ่อ่าใหญ่โตทั้ง 2 ส่วนเลยค่ะ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากวัดมหาธาตุ ที่มีความโดดเด่นสำคัญเป็นพระปรางค์ 5 ยอดสีขาวที่ภายในประดับปูนปั้นสวยงามเลยล่ะ

ระหว่างทางนั่งรถรางครูเจี๊ยบก็ชี้ชวนให้พวกเราดูสถานที่สำคัญ ๆ พร้อมกับเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตที่มีมาอย่างยาวนาน ได้รับความรู้เพิ่มมากเลยค่ะ จากนั้นรถรางพาเราไปยังวังบ้านปืน หรือพระรามราชนิเวศน์ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี วางศิลาฤกษ์ปี 2453 ปีเดียวกับที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ศิลปะการสร้างออกแบบโดยสถาปนิกชาวเยอรมัน ด้านนอกว่าสวยงามแล้ว ด้านในยิ่งงดงามมากเลยค่ะ ด้านในเขาไม่ให้ถ่ายรูปนะคะ ที่ดินแปลงนี้ 300 กว่าไร่ ก่อนสร้างวังที่นี่เป็นหมู่บ้านทำปืนใหญ่มาก่อน ซึ่งเคยมีปืนใหญ่มี 4 กระบอกก็จะมีชื่อเรียกต่างกันไป มีลอยชายเข้าวัง ยมบาลจับสัตว์ รามสูรขว้างขวาน และกำลังเพชรหึง

สถานีต่อไปรถรางพาเรามาถึงวัดเกาะแก้วสุทธาราม หากเราดูภายนอกอาจดูเหมือนวัดธรรมดา ถ้าเรามาเที่ยวเองคงไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากเพราะไม่มีความรู้ในความสำคัญและความเป็นมาเป็นไป แต่ที่นี่ครูเจี๊ยบสื่อความหมายให้เราได้เข้าใจในสิ่งที่เห็นว่าไม่ธรรมดาเลย ไม่ว่าจะเป็นเสมาคู่ประจำอุโบสถ เสมาคู่มีไว้ทำอะไร ที่มาของวิหารรูปเรือสำเภา และการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สื่อถึงวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อของผู้คนในยุคสมัยนั้นให้เราได้ค้นคว้าศึกษาต่อยอดความรู้เพิ่มเติมได้

ขณะที่เรากำลังนั่งรถรางชมเมืองไปตามเส้นทางท่องเที่ยวของชุมชน ก็จะเริ่มเห็นความวุ่นวายขวักไขว่ของรถรา ด้วยวันที่เรามา 2 วันนี้ เป็นวันที่ฝนพรำตลอดวันจากอิทธิพลของพายุที่เข้าประเทศไทย เมื่อฝนตกไม่หยุดในหลายพื้นที่จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการปล่อยน้ำลงมายังแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งก็มีการลุ้นระดับน้ำขึ้นกันมาตั้งแต่เช้า พอตกบ่ายก็มีเสียงตามสายเตือนเป็นระยะ พร้อมกับภาพการขนกระสอบทรายมากมาย และท่อสูบน้ำวางไว้ตามจุดต่าง ๆ คนในชุมชนดูกระตือรือร้นและช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้การเยี่ยมเยือนสถานที่สำคัญต่าง ๆ ต้องถูกย่นย่อให้กระชับและจบทริปให้ไวขึ้น

พวกเราก็ยังเก็บตกได้หลายที่อย่างวัดเพชรพลี คาดว่าเป็นวัดแห่งแรกในจังหวัดเพชรบุรี เป็นวัดสำคัญในการทำพิธีต่าง ๆ ที่โดดเด่นคือเสาชิงช้า ที่เป็น 1 ใน 3 แห่งของประเทศไทยที่มีเสาชิงช้า ก็คือกรุงเทพฯ นครศรีธรรมราช แล้วก็ที่นี่เพชรบุรี

วัดกำแพงแลง วัดในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างขึ้นในปี 1734 ชื่อมาจากศิลาแลง เป็นโบราณสถานแบบขอมที่มีความสวยงามมาก อยู่ระหว่างการบูรณะวางเรียงกำแพงใหม่โดยกรมศิลปากร

วัดใหญ่สุวรรณาราม เป็นอีกวัดที่มีความสวยงาม และเห็นถึงความงามของศิลปกรรมในสมัยอยุธยาตอนปลาย ครูเจี๊ยบเล่าถึงเรื่องราวของศาลาการเปรียญในวัดใหญ่ และชี้ชวนให้สังเกตกระจังพรึงที่แกะสลักประดับติดรอบตัวศาลา ครูเจี๊ยบชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างของใหม่กับเก่า ที่ถ้าเราดูผ่าน ๆ ก็อาจไม่รู้สึกอะไร เขาเล่าว่าที่นี่เป็นกระจังพรึงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยล่ะ

เป็นอันจบทริปของวันนี้ค่ะ ที่เล่ามาขอบอกว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จริง ๆ มีเรื่องราวรายละเอียดที่เรารู้แล้วต้อง Wow อีกมากมายเลยค่ะ บรรยายยังไงก็คงไม่หมด ต้องมาสัมผัสรับประสบการณ์ด้วยตัวเองค่ะ แล้วจะรู้แล้วจะหลงแล้วจะรักเพชรบุรีเหมือนเราไง

ถ้าใครสนใจไปเยือนเมืองพริบพรีที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แห่งนี้ ติดต่อพี่โฟล์ค วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนเมืองเพ็ชร์ได้เลยค่ะ ทางชุมชนมีหลายแพ็คเกจให้เลือก หรือใครอยากเดินทางเอง เที่ยวเองแบบอิสระ เราว่าก็ได้เหมือนกันนะ ไปตามทริปที่เราจัดไว้ได้เลยค่ะ เพราะในชุมชนมีป้ายมีข้อมูลมีรายละเอียดของแต่ละสถานที่ให้เราได้เดินเล่น อ่านเองได้แบบเพลิน ๆ ได้เหมือนกัน เพียงแต่บางสถานที่ไม่ได้เปิดให้ชมได้โดยทั่วไปเพราะต้องมีการดูแลรักษา เช่น พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ บ้านมนัส จรรยงค์ บ้านเล่าเรื่องมิตร ชัยบัญชา เป็นต้น หรือจะใช้บริการชุมชนบางส่วนก็ติดต่อแจ้งความต้องการได้เลยนะคะ

เที่ยวไทยกับทริปไนซ์เดย์ กระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้ชุมชนกันค่ะ

คำค้น:

  • #จัดทริปเที่ยว
  • #ท่องเที่ยวชุมชน
  • #เพชรบุรี

จบแล้ว อยากแชร์ให้เพื่อนอ่านไหม?

แผนการเดินทาง

อ่านเกี่ยวกับเพชรบุรีต่อ

ขอพรพระ ส่งท้ายปี วัดชะอำคีรี เพชรบูรณ์

เขียน 29/12/2022อ่าน 618 ครั้ง

🚩วัดชะอำคีรี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี🙏🙏🙏อีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับจังหวัดเพชรบุรี ใกล้ช่วงปีใหม่นี้ก่อนที่จะไปเที่ย.. [[มีต่อ]]

เที่ยวลัดเลาะเมืองเพชรบุรี

เขียน 18/10/2020อ่าน 1,570 ครั้ง

จากบทความที่แล้ว"ท่องเที่ยวชุมชนเมืองพริบพรี"http://bit.ly/petchaburi-tnd-2020ในการมาเยือนเมืองเพ็ชร์ในครั้งนี้ นอกจากร่.. [[มีต่อ]]

รีวิวบ้านพักพลูวิลล่า โน๊ตซ่าสี ชะอำ

เขียน 26/12/2022อ่าน 573 ครั้ง

บ้านพักสุดหรู อยู่อย่างเจ้าหญิงในบ้านพักพลูวิลล่าเอาใจสายปาร์ตี้ ที่กำลังมองหาบ้านพักพลูวิลล่าวันนี้ผู้หญิงตัวกลมจะมาแนะ.. [[มีต่อ]]

writeABlog
 

shareYourJourney

yourJourneyMayInspireOthers

writeABlog