จากบทความที่แล้ว"ท่องเที่ยวชุมชนเมืองพริบพรี"http://bit.ly/petchaburi-tnd-2020ในการมาเยือนเมืองเพ็ชร์ในครั้งนี้ นอกจากร่วมเส้นทางกับท่องเที่ยวชุมชนเมืองเพ็ชร์แล้ว ก็พยายามจะหาโอกาสลัดเลาะดูบ้านเมืองและผู้คนเมืองเพชรเพิ่มเติมเท่าที่จะมีโอกาส
เช้ามืดของวันอาทิตย์เราจึงตั้งใจตื่นก่อนตีห้า โรงแรมที่เราพักมีจักรยานให้บริการฟรี ก็วางแผนจะปั่นลัดเลาะชมเมืองดูวิถีเช้าของชาวเมืองกัน ครั้งนี้เราพักโรงแรมซัน อยู่หน้าพระนครคีรีเลย มองเห็นวิวเขาวังได้ชัดเจน แต่มาครั้งนี้เราไม่ได้ขึ้นเขาวัง ด้วยเวลาและโปรแกรมที่ถูกกำหนดด้วยแหละ
โรงแรมซัน ได้การรับรองมาตรฐาน SHA ของ ททท. ด้วยนะ มั่นใจในสุขอนามัยได้เลย ราคาและการบริการก็เป็นแบบทั่วไป เริ่มที่ 850 - 1,200 บาท ราคานี้รวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์แล้วนะ การบริการอัธยาศัยพนักงานก็ถือว่าโอเคเลยให้ข้อมูลตามที่ต้องการได้ โรงแรมมี 3 ชั้น แต่ไม่มีลิฟท์นะ ก็ถือว่าได้เดินออกกำลังกายละกัน
ด้วยเป็นช่วงที่พายุเข้า ร่องรอยของฝนทำให้พื้นถนนยังชอุ่มชุ่มชื่นไปด้วยน้ำฝนที่พร่างพรมมาตั้งแต่เมื่อวานและทั้งคืน ยังดีที่เช้านี้ฝนไม่ตก เราปั่นมุ่งหน้าไปหาตลาดเช้า รถราก็เริ่มจอแจ ทั้งคนซื้อคนขายก็ขวักไขว่ ฟ้าก็ยังมืดอยู่อย่างนั้น ดูไม่มีวี่แววของแสงตะวันที่จะตื่นมาทำงานในเช้านี้ แต่ก็ทำให้อากาศสดชื่นเย็นสบายดี
ในตัวเมืองเพชรบุรีนี้มีวัดเยอะมาก ตลอดเส้นทางที่ปั่นแทบจะทุก 500 เมตร ที่จะต้องเจอวัด บางจุดมีวัดอยู่ติด ๆ กันเลยก็มี ก็ให้ได้สงสัย เอ... คนแถวนี้เขาเลือกทำบุญวัดไหนกันนะ มีเยอะขนาดนี้ (แอบถามในภายหลัง ได้ความมาว่าเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีมีวัดทั้งหมด 32 วัด ในพื้นที่เพียง 5.4 ตร.กม. เองนะ โห... คิดดูละกัน เยอะมากกกกก อ่อ! และเห็นว่าเป็นจังหวัดที่วัดเยอะเป็นอันดับสองรองจากอยุธยาฯ นะ)
พอปั่นมาเจอพระบิณฑบาตจึงไม่รอช้า รีบซื้ออาหารชุดละ 20 บาท นิมนต์พระใส่บาตรกันทันที ก็ได้รับพรเป็นศิริมงคลกับชีวิตไป สาธุ!
ปั่นมาจนถึงถนนที่จะมุ่งหน้าไปวัดมหาธาตุ มองเห็นยอดพระปรางค์ในแสงยามรุ่งสางแบบนี้ ดูองค์พระปรางค์สว่างสวยงามมาก ก็ต้องหยุดเก็บภาพกันเป็นระยะ ๆ
มาในตลาดเห็นคุณลุงคุณป้า 2 คน กำลังแคะขนมครกชาววังขายอยู่ ก็นึกอยากกิน จึงแวะอุดหนุน ราคา 20 บาท รสชาติไม่หวานมาก อร่อยกำลังดี กินตอนร้อน ๆ แล้วก็ปั่นต่อ ปั่น ปั่น ปั่น
ใกล้เวลาต้องกลับที่พักแล้ว ขากลับปั่นกลับอีกทาง ข้ามสะพานจอมเกล้า รถบนสะพานไม่เยอะมาก ยืนชมวิวสวยแม้จะยังไม่สว่างเต็มที่และสูดอากาศสดชื่น มองไปริบ ๆ เห็นยอดพระปรางค์อีกแล้ว ก็เก็บรูปสวยมาอวดเพื่อน ๆ ที่ไม่ยอมตื่นกัน
สะพานจอมเกล้าแห่งนี้ หรือที่เรียกว่าสะพานช้างล่ะ สะพานนี้รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น มีเรื่องเล่าสมัยก่อนว่า ตอนสร้างเสร็จชาวบ้านไม่กล้าเดินไม่กล้าข้าม จึงต้องนำช้าง 1 เชือก มาผูกไว้บนสะพาน 3 วัน 3 คืน เป็นการทดสอบว่าสะพานแข็งแรงพอ ชาวบ้านจึงกล้าที่จะเดินกัน นี่ล่ะที่มาของชื่อเรียกสะพานช้าง
ระหว่างทางขากลับต้องผ่านหลายสี่แยก ดูระวังรถก็ไม่ยากเท่าต้องดูลิง ฟ้าเริ่มสาง น้องลิง ๆ เมืองเพชรเจ้าถิ่นตื่นออกหากินแล้วค่ะ อยู่ตามถนนบ้าง ตามสี่แยกบ้าง ไม่เว้นแม้ตามเสาไฟหลังคาบ้านเรือน น้องลิงตรึงกำลังไว้เต็มพื้นที่เลยค่ะ เราน่ะอยากได้รูปลิง ก็ทำใจดีสู้ลิง ส่วนเพื่อนที่มาด้วย ปั่นหนีทิ้งระยะห่างไปไกลมาก 555 แต่ในที่สุดก็ปั่นกลับถึงโรงแรม ได้เวลาปฏิบัติภารกิจของวันนั้นต่อ
ขอเล่าย้อนโปรแกรมของเมื่อวาน ช่วงบ่ายแก่ ๆ พอได้มีเวลาเหลือ พี่โฟล์คอาสาพาไปชมถ้ำเขาหลวง ซึ่งก็อยู่ในตัวเมืองเพชรบุรีเหมือนกัน ระยะทางขับรถไปไม่ไกลมากนัก เป็นถ้ำที่มีหินงอกและหินย้อยมาบรรจบกันงดงามมาก แต่เขาไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าไปถึงถ้ำเลยนะคะ เราต้องซื้อบัตรเป็นค่าบริการสถานที่ คนละ 10 บาท ค่ารถเล้ง ขึ้น-ลง คนละ 15 บาท (รถเล้งเป็นชื่อเรียกที่มีที่มาจากชื่อคนเจ้าของการเดินรถนี้แหละ) ที่นี่ตรงทางขึ้นก็ลิงเยอะเช่นกันต้องระวังข้าวของให้ดีนะคะ แต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยถือหนังสติ๊กคุ้มกันให้แหละ 555
อย่างที่บอกว่าเป็นวันที่ฝนโปรยปราย ทางเดินจึงลื่นมากเป็นพิเศษ ต้องเดินกันอย่างระมัดระวังเลย ทางเดินขึ้น-ลงถ้ำไม่ถือว่าสูงมากนัก แต่ด้วยมีน้ำขังและลื่นจึงเดินกันอย่างช้า ๆ ภายในถ้ำสวยงามมาก มองขึ้นไปจะมีปล่องที่ให้แสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาได้ ด้านในมีพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย มีจุดให้เคารพกราบไหว้หลวงพ่อโตและพระพุทธไสยาสน์ ใครจะเสี่ยงเซียมซีก็เสี่ยง ใครก็ทำบุญก็ทำได้
หลังจากแยกกับพี่โฟล์ค เวลาช่วงนั้นประมาณสี่โมงเย็นยังไม่มืด มีเวลาเหลือ จะไปไหนดี สรุปได้ที่เขาอีบิด สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ชื่อนี้มีคนเขาแนะนำว่าถ่ายรูปสวยนักหนา ลองเสิร์จดู ก็พอจะได้ข้อมูลคร่าว ๆ ที่มีหลายเพจลงภาพอย่างสวยงามเมื่อต้นปี ก็ตัดสินใจไปกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะได้เข้าไปมั้ย เพราะเป็นพื้นที่ของเอกชนที่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว แต่ก็ต้องไปให้เห็นอ่ะนะ
ก็มุ่งหน้าไปเขาอีบิด ตั้งอยู่อำเภอเขาย้อย ห่างจากจุดที่เราอยู่ไป 37 กม. ก็ไม่ไกลมากล่ะน่า เมื่อไปถึงตาม google map ขับลัดเลาะอยู่นาน เอ... ตรงไหนน๊าาาตามภาพที่เห็นเขาโพสต์กัน ที่ด้านหลังเป็นภูเขา มีทิวสน มีธารน้ำสวยงาม พอคิดว่าเจอจุดที่ใช่ แต่ไม่มีทางเข้าค่ะ มีแต่ป้ายตัวหนังสือสีแดงเตือนว่าอันตราย คือสรุปเขากั้นไม่ให้เข้าแล้วนะคะ ใครที่จะไป ไม่ต้องไปแล้วนะคะ เป็นที่เอกชนของบริษัทโม่หิน และดูเหมือนจะอันตรายในเรื่องฝุ่นละอองเศษหินต่าง ๆ ด้วยแหละ
กลับมาได้เวลามื้อเย็น พี่โฟล์คเจ้าถิ่นได้แนะนำไว้ ลองดูข้อมูลประกอบ อืมมม ก็น่าสนใจจริง ๆ ร้านมอนดี ชื่อร้านที่หมายถึงขนมจีนในภาษาชาวลาวโซ่งหรือไทยทรงดำ ก็ไม่รอช้า ปรากฏว่าร้านนี้สมคำร่ำลือทั้งเจ้าถิ่นและรีวิวจากผู้เคยลิ้มลอง ร้านนี้เขาเด็ดจริงค่ะ ทั้งด้านรสชาติ ราคา ปริมาณ ความรวดเร็วในการบริการ ทีมเรา 8 คน สั่งทั้งหมด 13 จาน ราคา 1,8xx บาท แต่ละเมนูให้เนื้อกุ้งเนื้อหมูแบบเยอะมาก และอร่อยค่ะ ใครมาแถวนี้แนะนำเลย ร้านหาไม่ยาก ที่จอดรถพร้อม และบางวันมีดนตรีสดให้ฟังอีกด้วย (ช่วงนี้เขาจะมีวันพุธ พฤหัสบดี และอาทิตย์นะคะ แต่ยังไงควรเช็คทางร้านอีกทีถ้าตั้งใจไปฟังเพลง)
และอีกร้านที่เป็นของหวานจากน้ำตาลโตนดเมืองเพชร ร้านนี้เรามาลองตอนวันกลับแล้วค่ะ ร้านโอวทึ้ง นายกี๋ ลอดช่องน้ำตาลโตนดที่เป็นเจ้าแรกของเมืองเพชรบุรี เมื่อก่อนมีสาขาเดียว แต่ด้วยความอร่อยจากสูตรดั้งเดิมกว่า 60 ปี ปัจจุบันจึงมี 4 สาขาแล้วค่ะ ในกรุงเทพฯ ก็มีนะคะ ตอนแรกก็ไม่รู้จะสั่งเมนูอะไร ท็อปปิ้งเยอะมากจนสั่งไม่ถูก ก็เลยสั่งตามชื่อร้านละกัน โอวทึ้งไอศกรีม ถามเจ้าของร้านถึงรู้ว่า โอวทึ้ง ภาษาจีนแปลว่าน้ำตาลโตนด ก็อ่อ อย่างนี้นี่เอง เส้นลอดช่องอร่อยหนึบ ๆ ค่ะ ไม่เหมือนที่อื่น น้ำกะทิก็หอมหวานกลมกล่อมดีเลยค่ะ
ท้ายสุดของเรื่องเล่าทริปนี้แล้วค่ะ มาเพชรบุรีครั้งนี้มีโอกาสได้นั่งร้านกาแฟ 2 ร้าน ก็กิ๊บเก๋น่ารักแตกต่างกันไป ร้านแรกอยู่หลังวัดพลับพลาชัยเลย ชื่อร้าน Pagoda Caffe คาดว่าชื่อร้านน่าจะมาจากเจดีย์ในวัดพลับพลาชัยที่มองเห็นได้จากในร้านเลย ราคากาแฟ เค้กไม่แพงนะคะ มีมุมให้นั่งถ่ายรูปเก๋ ๆ มีชั้นหนังสือเล็ก ๆ ตัวร้านโล่งโปร่งสบายค่ะ เหมาะแก่การมานั่งพักจิบกาแฟ ระหว่างการเที่ยวชมชุมชนคลองกระแชงค่ะ
อีกร้านก็ Me Café หรือ มี กาแฟ ค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่ริมน้ำ ทางเข้าอยู่บนถนนดำเนินเกษมเลยค่ะ จะมีป้ายร้านหน้าซอยทางเข้าชัดเจน หรือจะสังเกตสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 เพชรบุรี ก็ได้ค่ะ อยู่ติดกันเลย เข้ามาในซอยร้านอยู่ติดกับโรงแรมมินธาราค่ะ โรงแรมก็ดูเก๋น่าพักเชียวล่ะ เข้าไปด้านในร้านมี กาแฟ บรรยากาศชิลมากเลยค่ะ มุมถ่ายรูปไม่ต้องพูดถึง ถ่ายได้ทุกมุมสวยทุกจุด ตกแต่งอย่างร่มรื่น เลือกนั่งได้ตามสะดวกใจ วันนั้นเราสั่งเมนูเฟรช เยลโล่ ที่จะมีมะม่วง เสาวรส สับปะรด กล้วย แก้วมังกร ปั่นสมูทตี้ และโรยหน้าด้วยเก๋ากี้ หน้าตาดีดูน่ากิน รสชาติอร่อยค่ะ
เป็นอันจบทริปเมืองพริบพรีหรือเพชรบุรีในครั้งนี้ ได้เวลากลับกรุงเทพฯ ประทับใจผู้คนและบ้านเมืองเขาล่ะ ไว้คราวหน้ามีโอกาสต้องแวะมาอีกแน่ ๆ เดินทางจากกรุงเทพฯ เพียงสองชั่วโมงครึ่ง ถือว่าไม่ไกลมาก ขับรถแวะเที่ยวได้แบบสบาย ๆ ก็เมืองไทยแต่ละที่มีเสน่ห์ที่แตกต่าง น่าออกเดินทางท่องเที่ยวจริง ๆ ค่ะ