การไปเที่ยวหรือจัดทริปครั้งนี้ทำไมต้องชัยนาท?
ขอเล่าย้อนไปสักหน่อย การไปชัยนาทครั้งนี้วัตถุประสงค์หลักคือการไปทำงานเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชัยนาทนั่นเองค่ะ ถึงได้เกิดทริปนี้ขึ้น ซึ่งเราได้มีการทดสอบการสร้างเส้นทางท่องเที่ยวไว้ แน่นอนว่าต้องไปทดสอบด้วยตัวเอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเที่ยววันธรรมดากับวิสาหกิจชุมชนริเช่ฟาร์ม (Riche Farm) สถานที่ที่เราได้เรียนรู้อยู่ที่นี่ 2 วัน 1 คืน แบบซึบซับบรรยากาศอย่างเต็มที่ และไม่มีคนพลุกพล่าน
เก็บกระเป๋าพร้อมเดินทาง 8.30น. เวลาล้อหมุนมุ่งหน้าสู่จังหวัดชัยนาท ซึ่งระหว่างทางก็ได้แวะไปทานอาหารเช้าและกาแฟที่ร้านรักษ์นา บรรยากาศค่อนข้างดี มีไอแดดเล็กน้อยแต่ไม่ถือกับร้อนมาก แล้วเราก็เดินทางต่อไปตามทริปที่เราจัดไว้ ได้แวะวัดไทรที่จังหวัดสิงห์บุรี ไหว้พระ ขอพรเรียบร้อย รวมไปถึงแวะพักรถสักหน่อยก็ออกเดินทางต่อ ก่อนที่จะเห็นป้าย "ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดชัยนาท" พร้อมบอกสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำ ป้ายนี้ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเรามาถึงชัยนาทกันแล้วด้วยระยะทางที่ขับจากกรุงเทพฯ มาราวๆ 170 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า
วันนี้เราตั้งใจไปพักที่ริเช่ฟาร์ม วิสาหกิจชุมชนของจังหวัดชัยนาท ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ที่นี่อากาศร้อนมากถ้าเทียบกับกรุงเทพฯ หรือเราอาจจะไม่ชินกับอากาศที่นี่เท่าไหร่ แต่พี่ๆในฟาร์มดูเหมือนไม่ร้อนเลย ใส่เสื้อแขนยาว เสื้อม่อฮ่อมรอต้อนรับ ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ เราก็สั่งน้ำแตงโมแก้กระหายน้ำ คลายร้อนกันก่อนเลยจากร้านกาแฟ 168 Riche Farm ร้านประจำของฟาร์มที่นำวัตถุดิบที่เป็นผลผลิตจากฟาร์มมาทำนั่นเอง
Riche Villa ห้องพักกว้างขวาง โอบล้อมด้วยธรรมชาติ
ต้องบอกก่อนว่าห้องพักที่ริเช่ฟาร์ม มีให้เลือกตามความรู้สึกของคนที่อยากพักผ่อนในสไตล์ที่แตกต่างกัน มีทั้งพูลวิลล่าเหมาะสำหรับปาร์ตี้กับเพื่อนๆ พักผ่อนกับครอบครัวแบบเป็นส่วนตัว ให้สัมผัสกับธรรมชาติได้เต็มที่เพราะแต่ละหลังตั้งแยกและห่างกันออกไป ซึ่งภายในบ้านถูกแบ่งเป็นห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว และพื้นที่ทำกิจกรรม เพราะมาพักผ่อนทั้งทีก็ต้องผ่อนคลายอย่างเต็มที่
ส่วนของห้องนอนก็มีหลายรูปแบบจะนอนพักห้องเดี่ยวไปเลยก็ได้ แต่ถ้าสายชิวๆ คลาสสิคหน่อยละก็จะต้องชอบมุมนี้แน่นอน เราเองชอบมุมนี้มากถ้ามากับเพื่อนแล้วนอนรวมกัน ก็จะหวนคิดถึงวัยเด็กพร้อมบทสนทนาที่ย้อนวัยกันไป
หรือจะเป็นที่พักภายในฟาร์ม ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปอีกแบบ และทริปนี้เราเลือกพักในฟาร์มกันค่ะ ห้องพักเรียงติดกันไม่ได้แยกหลัง แต่ก็ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวเหมือนกันนะ ด้านหน้าห้องพักเป็นโดมผัก ส่วนหลังห้องเปิดหน้าต่าง มองผ่านผ้าม่านออกไปก็เห็นต้นไม้สีเขียวที่รายล้อมอยู่
เข้าห้องพักเก็บของ เปิดแอร์ฉ่ำๆ ให้ร่างกายได้พักผ่อนเอนกายสักหน่อยนึง เราก็ออกไปวัดธรรมามูลวรวิหารก่อนที่จะเข้ามาทานอาหารเย็นที่ร้านกาแฟในฟาร์มเช่นเดิม ด้วยความหิวเลยถามเมนูแนะนำของที่นี่ก่อนเลย ซึ่งเมนูอาหารส่วนมากเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ อาหารพื้นเมือง ผักทั้งหมดที่นำมาประกอบอาหารทางฟาร์มปลูกขึ้นเองในระบบโรงเรือนหรือที่เราเรียกว่า "ผักออแกนิค" สะอาดปลอดภัยไร้สารเคมี เราก็เริ่มทยอยสั่งอาหารกันไป อย่างข้าวผัดไข่ ปลาสังกะวาดทอดกระเทียม ส้มตำไทย ยำหมูยอ และอีกหลายอย่างเลย พออาหารมานี่ต้องบอกเลยว่าเทียบราคากับปริมาณแล้ว ราคาถูกมากและได้เยอะด้วยค่ะ ทานกันแทบจะไม่หมด
พรุ่งนี้ใส่บาตรไหมคะ?
คำถามจากพี่ในร้านที่ดังขึ้นมา และตอบกลับไปทันทีว่าใส่ค่ะ เวลาที่พระบิณฑบาตผ่านหน้าริเช่ฟาร์มคือ 6.15น. และอีกครั้ง 6.40น. เวลาโดยประมาณที่พี่ในฟาร์มแจ้งไว้ เราก็รีบกลับเข้าห้องพักและคุยงานกันก่อนที่จะแยกย้ายกันพักผ่อน เนื่องจากตอนเช้ามีนำเสนองาน
เช้าวันรุ่งขึ้นก็เดินออกมารอหน้าฟาร์ม พี่ๆเตรียมของใส่บาตรให้ 2 ชุด ทั้งอาหารคาว ของหวาน ข้าวสวย น้ำเปล่า และดอกไม้ที่ตัดจากในฟาร์มใส่ลงไปในกรวยใบตอง วางบนโต้ะตั้งรอพระบิณฑบาตมา บรรยากาศตอนเช้าเงียบ สงบ ไม่มีรถแล่นผ่านเลย สักพักก็เห็นพระมา 1 รูป เราก็ใส่บาตร รับพร และกรวดน้ำไป เพราะคิดว่าการเริ่มต้นตอนเช้าที่ดีทำให้ทั้งวันของเรากลายเป็นวันที่ดีแน่นอน
หลังจากใส่บาตรเสร็จก็ขอดื่มด่ำกับบรรยากาศตอนเช้า กาแฟร้อนหนึ่งแก้วและอาหารเช้าที่เสิร์ฟด้วยไข่ดาว เบคอน และไส้กรอก ขอแนะนำ "เจ้าเฮง" ด้วยเลยค่ะ แมวประจำฟาร์มที่ขี้อ้อนมาก เดินวนไปวนมาให้ได้หยอกตลอดไม่ไปไหนเลย
ประสบการณ์จากกิจกรรมภายในฟาร์ม
กิจกรรมภายในฟาร์มมีมากมายให้ได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่นในฟาร์ม ดื่มกาแฟชิวๆ เก็บผักออแกนิค มีบริการรถ ATV ให้ขับเล่น ชมบรรยากาศรอบฟาร์ม หากใครสนใจที่จะขับเจ็ทสกีก็สามารถแจ้งทางฟาร์มได้ หรือกิจกรรมแบบพื้นถิ่นที่ทำคือพายเรืออีโปง ทำให้เราเลือกกิจกรรมทำและรับประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไปได้เลย
เลือกช้อปสินค้าออแกนิคจาก Riche Shop
ก่อนที่เราจะเดินทางกลับก็เข้าไปแวะชมสินค้าจากริเช่ฟาร์ม ที่มีให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ปลอดสารพิษ ที่ตัดกันสดๆจากฟาร์มมาวางขาย ที่แนะนำคือ ข้าวเกรียบเมล่อน ส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวา ที่ไม่ว่าใครมาต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านเลยแหละค่ะ นอกจากนี้ยังมีสินค้าจากชุมชนของเกษตรกรมาวางขายด้วย เพราะทางริเช่อยากให้สินค้าชุมชนไปสู่คนเมืองมากที่สุด
นี่คือแหล่งเรียนรู้เชิงเกษตรผสมผสานสมัยใหม่ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ที่อยากแนะนำอีกหนึ่งสถานที่เมื่อมาจังหวัดชัยนาทค่ะ
สำหรับเราแล้ว การได้ไปทำงานนอกสถานที่ถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวและได้งานที่มากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้การเดินทางไปเที่ยววันธรรมดาครั้งนี้เราซึบซับบรรยากาศ และกลิ่นอายของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวได้เยอะมาก แค่หลับตาแล้วนึกถึงที่นี่ ภาพทุกอย่างของ Riche Farm ก็ปรากฏชัดขึ้นมาเลย