ใกล้ ๆ กับหาดบางแสนมีวัดแสนสุข สุทธิวราราม ซึ่งเป็นวัดที่มีพื้นที่กว้าง (กว่า 30 ไร่) และมีเอกลักษณ์ในเชิงพุทธศาสนาไม่น้อย เพราะว่าภายในวัดจะมีประติมากรรมปูนปั้นเกี่ยวกับศาสนาอยู่ โดยพื้นที่ในการนำแสนอรูปปูนปั้นเหล่านั้น ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ สวนพุทธ เมืองสวรรค์ และแดนนรก ซึ่งสวนพุทธนั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพทธประวัติ เริ่มจากการประสูติไปจนถึงการตรัสรู้ และปรินิพพานในมที่สุด ในขณะที่เมืองสวรรค์จะเกี่ยวกับศาสดาของศาสนาหรือลัทธิต่าง ๆ อาทิ เช่น พระเยซู เจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น สุดท้าย แดนนรก ดูเหมือนจะเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีรูปปั้นแสดงถึงการลงโทษและชีวิตหลังความตายในนรก อุทาหรณ์ สอนใจ ให้ระลึกถึงบาปบุญคุณโทษ รูปปั้นเหล่านี้มีทั้งให้ข้อคิด คติสอนใจ และบางชิ้นงานยังแฝงไปด้วยอารมณ์ขันอีกด้วย
หากใครมาเที่ยวชายหาดบางแสนแล้ว อยากดูสิ่งอื่น ๆ นอกจากทะเล ก็แวะมาที่วัดแสนสุข สุทธิวรารามแห่งนี้ได้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวหาดบางแสนนัก (ประมาณ 1 กิโลเมตร) โดยตำแหน่งที่ตั้งนั้นอยู่ที่ ซอย 14 ถนนบางแสนสาย 2 ที่สำคัญการเข้ามาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายแต่งอย่างใด 

Near Bang Saen Beach, there is Wat Saen Suk Sutthiwat, a temple that boasts a vast area of over 30 rai and possesses a unique identity in terms of Buddhism. Within the temple grounds, you will find intricate cement sculptures related to religion, divided into three parts: Buddha Garden, Heaven, and Hell. 

The Buddha Garden narrates the story of the Buddha's life, from his birth to enlightenment and finally, his passing into Nirvana. In contrast, the Heaven section features depictions of various religious figures and prophets such as Jesus and Guanyin. The Hell area stands out as particularly striking, showcasing sculptures that illustrate punishments and the afterlife in hell—serving as a moral lesson and a reminder of sin and virtue. These sculptures not only invoke thoughtful reflections but some also carry a hint of humor.

If you're visiting Bang Saen Beach and looking for something beyond the sea, a visit to Wat Saen Suk Sutthiwat is a great option, as it is only about 1 kilometer away from the beach. The temple is located at Soi 14, Bang Saen Sai 2 Road, and importantly, there is no entrance fee to explore this remarkable site.

Wat Saensuk Suthiwararam

วัดแสนสุขสุทธิวราราม

靠近邦香海滩的是善福寺（สุทธิวราราม），这是一座占地广阔（超过30亩）的寺庙，具有显著的佛教特色。寺内有许多与宗教相关的泥塑，这些雕塑展区被分为三个部分：佛园、天国和地狱。佛园展示了佛陀的一生，从他出生、成道到最终入灭；而天国则与不同宗教的先知有关，如耶稣、观音等。最后，地狱则特别引人注目，因为这里展示了在地狱中受罚的雕塑和死后的生活。这些雕塑既发人深省，还蕴含了教育意义，让人思考善恶因果，部分作品还融入了幽默元素。

如果有朋友来到邦香海滩，想要欣赏海之外的其他景观，可以来这座善福寺，距离邦香海滩不远（约1公里）。寺庙的具体位置是在邦香第二街14巷，重要的是，参观这座寺庙是免费的，无需任何费用。

Wat Saensuk Suthiwararam寺

kopi hub

โกปี๊ฮับ

咖啡中心

ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านหนองตะไกร ม.1 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โดยองค์พระพิฆเนศวรมีขนาดใหญ่ หน้าตักกว้างประมาณ 2.5 เมตร สูงประมาณ 3-4 เมตร ขนาดฐานรองกว้างประมาณ 5 เมตร ซึ่งแม้ว่าองค์พระพิฆเนศวรจะยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์

Located in Ban Nong Takrai, Moo 1, Takhian Tia Sub-district, Bang Lamung District, Chonburi Province, this site spans approximately 10 rai. The statue of Lord Ganesha is impressively large, with a width of about 2.5 meters and a height ranging from 3 to 4 meters. The base measures approximately 5 meters in width. Despite the passage of time, the statue of Lord Ganesha remains in pristine condition.

Ganesh Park Chonburi

สวนพระพิฆเนศ ชลบุรี

位于泰国春武里府邦拉木区塔基安提乡第1村的农田，面积约10英亩。这里的大象神像高大威武，坐姿宽约2.5米，身高约3-4米，底座宽约5米。尽管这尊大象神像仍保持着完好无损的状态。

เที่ยว

วัดเด่นสะหลีเมืองแกน หรือที่ชาวบ้านเรียกันสั้นๆ ว่า “วัดบ้านเด่น” ตั้งอยู่ที่ ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เดิมทีชื่อวัดมีแค่คำว่า วัดบ้านเด่นเฉย ๆ ตั้งแต่ท่านครูบาเจ้าเทือง

Wat Den Salee Muang Kan, commonly known by locals as "Wat Ban Den," is located in Inthakhin Sub-district, Mae Taeng District, Chiang Mai Province. Initially, the temple was simply named Wat Ban Den, named after the revered monk, Kru Ba Jao Teung.

Wat Ban Den

วัดบ้านเด่น

เด่นสะหลีเมืองแกน寺，或简称为“บ้านเด่น寺”，位于泰国清迈省迈滇县的อินทขิล行政区。最初，这座寺庙的名称只是“บ้านเด่น寺”，直至后来由克鲁巴杰昂·เทือง所命名。

班登寺

แดนเทวดา สวยงามดังเทพนิยาย เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. (ไม่มีวันหยุด) บัตรเข้าชม 80 บาท ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แตง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 ก.ม. ภายในแดนเทวดามี 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่ให้เราได้ไปเที่ยวเช็คอินกัน ที่นี่แทบจะเป็น Landmark แห่งใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่เลยก็ว่าได้

Heavenly Land, as beautiful as a fairy tale, is open daily from 8:00 AM to 6:00 PM (with no holidays). Admission is just 80 baht. Located in Mae Tang district, it is approximately 40 km from Chiang Mai city center. Inside Heavenly Land, there are seven wonders waiting for us to explore and check in. This place is undoubtedly becoming a new landmark for Chiang Mai province.

land of angels

แดนเทวดา

天使之地如同童话般美丽，每天开放，时间为早上8点至下午6点（不休息）。门票价格为80泰铢，位于梅塘县，距离清迈市中心约40公里。在天使之地，拥有七大奇迹等着我们去游览打卡，这里几乎可以成为清迈省的新地标。

天使之地

ศาลพระพิฆเนศ อาเขตเชียงใหม่ อยู่บริเวณด้านหน้าท่ารถทัวร์นครชัยแอร์ ศาลขนาดใหญ่ เปิด 24 ชม. เข้าเที่ยวชมฟรี  ค่าของไหว้แตกต่างกันไปตามขนาดของชุด

The Phra Phikanet Shrine in Arcadia, Chiang Mai, is located in front of the Nakornchai Air bus station. This large shrine is open 24 hours a day, and visitors can explore it free of charge. The cost of offerings varies depending on the size of the set.

Ganesha Shrine Chiang Mai Arcade

ศาลพระพิฆเนศ อาเขตเชียงใหม่

大象神庙位于清迈的阿凯特，坐落在南乍节长途汽车站前。这是一座大型的庙宇，全天24小时开放，游客免费参观。供奉的物品根据套餐的大小而有所不同。

Ganesha Shrine Chiang Mai 商场

ที่นี่คือวัดเงี้ยว(ไทใหญ่) แห่งแรกในเมืองเชียงใหม่ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เมื่อปี พ.ศ. 2426 โดยหม่อมบัวไหล พระสนมเชื้อสายไทใหญ่ และชาวไทใหญ่ที่ได้อพยพมายังเชียงใหม่ และด้วยบริเวณที่ตั้งของวัดนั้นมีต้นเป้าซึ่งเป็นสมุนไพรจำนวนมาก จึงตั้งชื่อวัดขึ้นว่า "วัดป่าเป้า" ภายในวัดป่าเป้ามีสิ่งที่น่าชมหลายอย่าง อาทิ พระธาตุที่มีลักษณะแบบไทใหญ่ พิพิธภัณฑ์ชาวเงี้ยว และราว ๆ เดือนเมษายนของทุกปี ทางวัดจะมีการจัดประเพณีปอยส่างลองหรือบวชลูกแก้วของชาวล้านนา และยังมีโรงเรียนสอนภาษาไทใหญ่ให้แก่เด็ก ๆ ในละแวกนั้นอีกด้วย แต่เดิมนั้นวัดป่าเป้าแห่งนี้เป็นคุ้มเก่า หรือวังเก่าของพระเจ้ากือนาธรรมิการาช เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในเชื้อเจ้าเจ็ดตนสมัยนั้น หลังจากพระองค์ได้สวรรคตไปแล้ว ได้มีการนำพระศพ ของพระเจ้ากือนาเข้าไปในเมืองทางด้านกำแพงตรงข้ามวัดพราหมณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดป่าเป้าทุกวันนี้ เพื่อทำพิธีแต่งการฌาปนกิจของพระเจ้ากือนั่นเอง หลังจากนั้นวัดแห่งนี้ได้ถูกทิ้งร้างจากการติดพันศึกสงครามจนมีสภาพทรุดโทรม และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในอดีต

This is the first Ngiew (Tai Yai) temple in Chiang Mai, established during the reign of King Intawichayanon in 1883, by Mom Bua Lai, a royal consort of Tai Yai descent, along with Tai Yai people who had migrated to Chiang Mai. The temple is named "Wat Pa Pao" because the area is abundant with a medicinal herb called "Pao."

Inside Wat Pa Pao, there are many attractions worth seeing, such as a pagoda showcasing Tai Yai architectural style, a museum dedicated to the Ngiew people, and every April, the temple hosts the "Poy Sang Laong" festival or the ordination of boys in the Lanna tradition. There is also a school teaching the Tai Yai language for children in the vicinity.

Originally, Wat Pa Pao was an old palace or residence of King Kuanathammikaraj, the ruler of Chiang Mai from the royal lineage of the Seven Monarchs during that time. After the king passed away, his body was brought into the city through the wall opposite Wat Phra Mane, the location of Wat Pa Pao today, to conduct the cremation ceremonies for King Kuan. Subsequently, this temple was abandoned due to the impacts of war, leading to its dilapidation, until it was restored during the reign of King Kawila, a former ruler of Chiang Mai.

Wat Pa Pao

วัดป่าเป้า

这里是清迈市第一座缅族寺庙——帕帕寺，建于公元1883年，时任王朝的因达维查亚纳王及缅族后裔、来自缅族的移民们共同创建。由于寺庙周边有大量的“帕”草，这是一种草药，寺庙因此被命名为“帕帕寺”。

帕帕寺内有许多值得参观的景点，例如具有缅族风格的佛塔、缅族博物馆等。每年四月，寺庙会举办一项传统的“帕萨朗隆”仪式，这是丰盛的兰纳文化的福泽仪式。此外，寺内还设有缅族语言学校，为周边的孩子们教授缅族语言。

最初，帕帕寺是清迈国王贾纳·达姆米卡拉查的旧宫殿。王去世后，其遗体被安葬于寺庙对面的墙内，以进行火葬仪式。后来，因战事的影响，寺庙一度荒废，直到昔日清迈统治者伽威拉时代，才重新恢复修缮。

帕保寺

วัดดวงดี เป็นศาสนสถานที่สำคัญและเก่าแก่ของเมืองชียงใหม่เป็น ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับอนุสรณ์สามกษัตริย์ ตั้งอยู่ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งใน๙วัดนามมงคลของจังหวัดเชียงใหม่

Wat Duang Dee is an important and ancient religious site in Chiang Mai, located near the Three Kings Monument in the Si Phum sub-district of Mueang District, Chiang Mai Province. It is one of the nine auspicious temples in the province.

Wat Duang Dee

วัดดวงดี

วัดดวงดี是清迈市重要而古老的宗教场所，位于三位国王纪念碑的附近，属于清迈市的斯里普米地区。这是清迈府九座吉祥寺庙之一。

พระอุปคุตมีความสำคัญต่อชาวเหนือเพียงใด วัดอุปคุตก็มีความสำคัญมากมายเพียงนั้น ซึ่งที่วัดนี้มีการจัดประเพณี ใส่บาตรพระอุปคุตเป็นประจำทุกปี ซึ่งชาวเหนือเชื่อว่าหากเดือนใดมีวันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธหรือที่เรียกว่า "เป็งปุ๊ด" พระอุปคุตจะแปลงกายเป็นเณรมาบิณฑบาตรตอนเที่ยงคืน และใครก็ตามที่ได้ใส่บาตรพระอุปคุต จะได้บุญมาก ดังนั้นงานบุญประเพณีนี้จึงมีเอกลักษณ์อยู่ที่การใส่บาตรตอนเที่ยงคืนนั่นเอง

Phra Upakut holds significant importance for the northern people of Thailand, and so does Wat Upakut. This temple hosts an annual tradition of offering food to Phra Upakut, which is observed fervently by the local community. It is believed that if the full moon falls on a Wednesday, referred to as "Peng Pud," Phra Upakut transforms into a novice monk to receive alms at midnight. Anyone who offers alms to Phra Upakut during this time is said to gain tremendous merit. Thus, this unique merit-making ceremony is distinguished by its midnight offering tradition.

Wat Upakhut

วัดอุปคุต

พระอุปคุต对北方人民的重要性不可小觑，而乌普库特寺也因此显得尤为重要。每年这里都会举行供养乌普库特佛陀的传统仪式。北方人相信，如果在某个月的满月恰逢星期三，亦称为“佩恩布特”，乌普库特将化身为僧侣在半夜时分来乞讨。任何人在这个特别的时刻为乌普库特供奉，都会积累丰厚的功德。因此，这项慈善传统的独特之处，便在于其午夜供养的仪式。

Wat Upakhut 寺

เป็นพระอารามหลวงในจังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ ราชกุฏาคาร วัดโชติการาม สร้างขึ้นในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้น่าจะสร้างในปี พ.ศ. 1928 - 1945 และมีการบูรณะมาหลายสมัย โดยเฉพาะพระเจดีย์ ที่ปัจจุบันมีขนาดความกว้างด้านละ 60 เมตร เป็นองค์พระเจดีย์ที่มีความสำคัญอีกองค์หนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

This royal temple, located in Chiang Mai, is known by several names, including Rajakutakara and Wat Chotikarama. It was established during the reign of King Saen Muang Ma, the seventh monarch of the Mangrai dynasty. Although the exact year of its construction is unclear, it is believed that the temple was built between 1928 and 1945. Throughout the years, it has undergone numerous renovations, especially the stupa, which currently measures 60 meters on each side. This makes it one of the significant stupas in Chiang Mai.

Wat Chedi Luang Worawihan

วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

这是位于清迈省的一座皇家寺庙，名称有很多，包括拉差古塔卡和乔提卡拉姆。这座寺庙是在匡国王朝的佐木帕王统治时期建立的，仅有第七代国王的记载，确切的建造年份并不明确。据推测，这座寺庙可能建于公元1928年至1945年之间，并在多个时代进行过修复，特别是其佛塔。目前佛塔的各边宽度达到60米，是清迈省另一座重要的佛塔。

Wat Chedi Luang Worawihan 寺

"เอเลเฟ่น พูพูเปเปอร์ ปาร์ค สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ สร้างงานศิลปะจากกระดาษมูลช้าง มูลควาย มูลวัว มูลม้า และกากใยธรรมชาติ มาผลิตสินค้าและงานหัตถกรรมจำหน่าย สามารถเรียนรู้ขั้นตอนการนำมูลช้างมาทำกระดาษร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ฝึกทำงานฝึมือจากกระดาษมูลช้าง เช่น ทำการ์ด ทำปกสมุดบันทึก และพัดกระดาษ เป็นต้น ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารเพื่อสุขภาพที่ “บ้านดินคาเฟ่” ลองชิม Signature Menu ยอดฮิต อาทิ “คุ๊กกี้ขี้ช้าง” เลือกผักผลไม้ออร์แกนิคจากสวนมารับประทานได้อีกด้วย
"

"Elephant PooPooPaper Park is an environmentally sustainable conservation tourist attraction located in the Mae Rim district of Chiang Mai. Here, art is created from elephant dung, as well as dung from buffalo, cows, and horses, along with natural fibers, to produce goods and handicrafts for sale. Visitors can learn about the process of transforming elephant dung into paper under the guidance of experts. You can also try your hand at crafting with elephant dung paper, such as making cards, notebooks, and paper fans.

The park features a health-conscious café named “Din Café,” where you can sample their popular signature dish, the “Elephant Dung Cookies.” Additionally, guests can enjoy organic fruits and vegetables sourced directly from the garden."

Elephant POOPOOPAPER Park

เอเลฟเฟ่น พูพูเปเปอร์ พาร์ค

“艾雷芬普普纸公园是一个以可持续方式保护环境的旅游景点，位于清迈府的迈瑞姆县。这里利用大象粪便、牛粪、马粪及天然纤维创造艺术品，用于生产和销售商品及手工艺品。游客可以与专家一起学习如何将大象粪便制作成纸，并能亲自体验使用大象粪便制作手工艺品，如制作贺卡、笔记本封面和纸扇等。此外，这里还有‘土屋咖啡馆’提供健康饮品和食物，您可以尝试人气招牌菜“象粪饼干”，还可以选择来自自家园子的有机蔬菜和水果享用。”

大象便便纸公园

ศูนย์รวบรวม สินค้าทางการเกษตร ผักและผลไม้

Agricultural Product Collection Center for Vegetables and Fruits

Northern Agricultural Products Center Chiang Mai Province

ศูนย์สินค้าเกษตรภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่

农业产品、蔬菜和水果集散中心

北方农产品中心清迈府

กลับบ้าน

กู๊เนียร์ ฟอเร็ซท หรือภาษาอังกฤษ Kuv Niam Forest ถือเป็นสวนดอกไม้ที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ในตอนนี้เลยก็ว่าได้ ถ่ายรูปออกมาเห็นวิวภูเขาแบบพาโนราม่ากลางสวนดอกไม้หลายหลากสีสัน ใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูปกับดอกมากาเร็ตสีม่วงชมพูต้องไม่พลาด

Kuv Niam Forest, also known as Goonier Forest, is currently the largest flower garden in Chiang Mai. The breathtaking panoramic views of the mountains set against a backdrop of a vibrant array of colorful flowers make it a perfect spot for photography. If you love capturing images with purple and pink margarita flowers, this is a destination you cannot miss.

Gunier Forest (Kuv Niam Forest)

กู๊เนียร์ ฟอเร็ซท (Kuv Niam Forest)

库夫尼安森林（Kuv Niam Forest）被认为是现在清迈最大的花园。在这个花卉种类繁多的花园中，您可以拍摄到以全景方式展现的美丽山脉景观。喜欢与紫色和粉色的玛格丽特花合影的人可千万不要错过这里。

Gunier 森林 (Kuv Niam Forest)

หาดทรายในขุนเขาที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ มีที่ถ่ายรูปเหมือนกับหลายจังหวัดไว้ในที่เดียว มีไฮไลต์ คือ สะพานแขวน บันไดสวรรค์ แปลงดอกไม้ และ หาดทรายเทียม ซึ่งถือได้ว่า เป็นชายทะเลบนหุบเขาแห่งแรกของโลก นอกจากนั้นยังมีฟาร์มแกะที่เหล่านักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาสัมผัสได้อย่างสนุกสนาน มีเนื้อที่ 39 ไร่ 

เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าฟรี แต่มีค่าบำรุงในโซนบีช เสียค่าบำรุง 30 บาท, โซนดอกไม้ เสียค่าบำรุง 20 บาท และรถ ATV รอบละ 50 บาท

The sandy beach nestled in the largest mountains of Chiang Mai offers a unique photo opportunity that brings together picturesque settings from several provinces in one location. Highlights include a suspension bridge, a heavenly staircase, a flower garden, and a man-made sandy beach, which can be considered the world’s first seaside destination in a valley. Additionally, there is a sheep farm where visitors can enjoy an interactive experience. The area spans 39 rai.

Entry for tourists is free, but there are maintenance fees for certain zones: 30 baht for the beach area, 20 baht for the flower zone, and 50 baht for each ride on an ATV.

Pang Pao Beach

ปางเปาบีช

在清迈最大的山中沙滩，聚集了多个省份的拍照热点于一个地方。这里的亮点包括悬索桥、天梯、花卉园和人造沙滩，这可以说是世界上首个山谷沙滩。此外，游客们还可以在39亩的羊场中尽情体验与动物亲密接触的乐趣。

园区免费向游客开放，但在沙滩区域需支付30铢的维护费，花卉区域需支付20铢的维护费，ATV车的体验费用为每次50铢。

邦宝海滩

พรุ่งนี้

วัดต้นเกว๋น หรือ วัดอินทราวาส เป็นวัดเก่าแก่ของเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นวัดที่ไม่มีพระอยู่จำพรรษา สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักแรมของขบวนพระบรมธาตุศรีจอมทองในประเพณีแห่พระเจ้าเข้าเวียง วัดต้นเกว๋นมีศิลปกรรมล้านนาดั้งเดิมที่สมบูรณ์และทรงคุณค่ามาก ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน

Wat Ton Kwen, or Wat Inthrawat, is an ancient temple in Chiang Mai. Currently, it is a temple without resident monks. It was built to serve as a resting place for the procession of Phra Boromathat Si Chom Thong during the tradition of bringing the sacred Buddha image into the city. Wat Ton Kwen boasts remarkably preserved traditional Lanna art and architecture, making it an important cultural heritage site that has been registered as a historical monument.

Wat Ton Kwen or Wat Intharawat

วัดต้นเกว๋น หรือ วัดอินทราวาส

顿阮寺，或称因陀罗寺，是清迈一座古老的寺庙。目前，该寺庙没有僧侣驻守。它的建立是为了作为清迈赛马会活动中奉献的圣物的栖息地。顿阮寺保存着完整且具有极高价值的传统兰纳艺术，被列为古迹。

Wat Ton Kwen 或 Wat Intharawat

วัดป่าแดดหรือชื่อเดิมว่า วัดดอนแก้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการบูรณะวัดนี้อย่างต่อเนื่องและได้รับการดูแลอย่างดี เนื่องจากพระครูปลัดพยุงศักดิ์ ธีรธัมโม เจ้าอาวาสของวัดนั้น เป็นที่เคารพนับถือของนักธุรกิจจากกรุงเทพฯ และดารานักแสดงมากมาย น่าชม - พระวิหาร เป็นอาคารปูนทั้งหลัง สร้างขึ้นตามศิลปะแบบล้านนา มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ ประดับด้วยลายปูนปั้นสีทองอ่อนช้อยสวยงาม หน้าบันประดับด้วยปูนปั้นลายพรรณพฤกษาสีทอง ซุ้มประตูและหน้าต่างศิลปะล้านนา ประดับด้วยลายปูนปั้นสีทองเช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้พระวิหารหลังนี้เป็นสีทองอร่ามแทบทุกตารางนิ้วเลย

Wat Pa Daet, formerly known as Wat Don Kaew, has undergone continuous restoration and is well-maintained. This is largely due to the reverence held for the abbot, Phra Kru Palad Phayungsak Theeradej, by many businesspersons from Bangkok and numerous celebrities. 

One of the highlights of the temple is the Vihara, a fully concrete building constructed in the Lanna architectural style. It features ornate gables, decorative brackets, and elegant Naga tails adorned with delicate gold reliefs. The pediment showcases a stunning golden relief of floral patterns, and the doorways and windows, designed in the Lanna artistic style, are also embellished with gold reliefs. This makes the Vihara shimmer in golden hues, captivating nearly every square inch of its exterior.

Wat Pa Daet

วัดป่าแดด

原名为“顿凯寺”的法达寺，近年来经过持续的修缮和良好的维护，变得更加美丽。由于寺院的住持，受人尊敬的法师普拉达帕雄萨翟·提拉法摩，受到来自曼谷的商界人士和众多演员的崇敬，使得这里备受瞩目。

令人赞叹的是，寺内的佛殿是一座全混凝土结构的建筑，采用了兰纳风格的设计，装饰着精美的屋脊、狼牙和龙尾等元素，点缀着柔和的金色浮雕，宛如艺术品。而门楣上则装饰着金色的花卉浮雕图案，门窗也同样采用兰纳艺术风格，饰以金色浮雕，使得这座佛殿的每一寸都闪烁着金色的光芒。

วัดพระธาตุดอยคำสร้างในสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย โดยพระโอรสทั้ง 2 เป็นผู้สร้างในปี พ.ศ. 1230 ประกอบด้วยเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ศาลาการเปรียญกุฏิสงฆ์ และพระพุทธรูปปูนปั้น เดิมชื่อวัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดดอยคำ"
พ.ศ. 2509 ขณะนั้นวัดดอยคำเป็นวัดร้าง ต่อมากรุแตกชาวบ้านพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระธาตุดอยคำ พระธาตุดอยคำนอกจากจะเป็นที่สักการบูชาของคนท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของการบินไทยที่ใช้กำหนดพื้นที่ทางสายตา ก่อนที่จะนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่
ตำนาน
เทือกเขาถนนธงชัย ด้านทิศตะวันตกบนเทือกเขาเหล่านั้นจะเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระเจดีย์สำคัญและเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ถึง 2 องค์พระเจดีย์ แต่ละแห่งถูกสถาปนาขึ้นโดยพระมหากษัตริย์ในสมัยหริภุญชัยและล้านนาตามลำดับ หนึ่งในนั้นคือพระธาตุดอยคำ อยู่บนยอดเขาเล็ก ๆ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ เรียกว่า “พระธาตุดอยคำ” เคยเป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์สองผัวเมีย ชื่อ จิคำและตาเขียวมาก่อน ซึ่งต่อมาชาวบ้านได้เรียกยักษ์ทั้งสองนี้ว่า “ปู่แสะ – ย่าแสะ” ปู่แสะย่าแสะมีลูก 1 คน ชื่อว่า “สุเทวฤๅษี” เหตุที่ได้ชื่อว่าดอยคำ เนื่องจากศุภนิมิตที่ยักษ์ทั้งสองได้รับพระเกศาธาตุจากพระพุทธเจ้า เกิดฝนตกหนักหลายวัน ทำให้น้ำฝนเซาะและพัดพาแร่ทองคำบนไหล่เขา และลำห้วยไหลลงสู่ปากถ้ำเป็นจำนวนมาก จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “ดอยคำ”
จากตำนานหลายฉบับได้กล่าวว่า เทวดาได้นำพระเกศาธาตุที่พระพุทธเจ้าได้ประทานแก่ปู่แสะและย่าแสะ นำขึ้นมาฝังและก่อสถูปไว้บนดอยแห่งนี้ และต่อมาในปี พ.ศ. 1230 เจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ 2 พระโอรสแฝดของพระนางจามเทวี แห่งหริภุญชัยนครได้ขึ้นมาก่อเจดีย์ครอบพระสถูปเกศานั้นไว้ ส่วนพระเจดีย์แห่งที่ 2 ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ทางทิศเหนือของดอยคำ คือ พระธาตุดอยสุเทพ

Wat Phra That Doi Kham was built during the reign of Queen Chama Devi, the monarch of Haripunjaya, by her two sons in the year 1230 B.E. It consists of a stupa housing the relics of the Buddha, a sermon hall, monk’s quarters, and stucco Buddha images. Originally named Wat Suwannabunpot, the locals commonly refer to it as "Wat Doi Kham."

In 1966, at the time Wat Doi Kham had fallen into disrepair. However, following a landslide, villagers discovered several ancient artifacts, including a large gilded sandstone Buddha, Phra Rod Luang, and Phra Samor (clay statuette), which were later enshrined at Wat Phra That Doi Kham. Besides being a place of worship for locals, Doi Kham also serves as a significant visual landmark for Thai Airways pilots when approaching for landing at Chiang Mai Airport.

**Legend**

The Doi Thong Chai mountain range, located to the west, is home to two important and ancient stupas that are emblematic of Chiang Mai. Each stupa was constructed by a monarch during the Haripunjaya and Lanna periods. One of these is Phra That Doi Kham, situated on a small hill approximately 200 meters above sea level, in the southwest of Chiang Mai city. 

Previously, this site was said to be inhabited by a giant couple named Jikham and Ta Khiao, who are later referred to by villagers as "Poo Sa" and "Yaa Sa." Poo Sa and Yaa Sa had one child, named “Suthewaris,” and the name Doi Kham originated from a prophetic vision they received when they were bestowed a strand of the Buddha’s hair. Following a significant rainstorm that lasted several days, heavy rainfall washed down gold ore from the hillside, leading to the naming of this mountain as “Doi Kham.”

According to various legends, deities brought the Buddha’s hair relics given to Poo Sa and Yaa Sa to be buried and enshrined at this mountain. Later, in 1230 B.E., Prince Mahantayos and Prince Anantayos, the twin sons of Queen Chama Devi from the city of Haripunjaya, ascended the mountain to construct a stupa to enshrine the sacred relics. The second stupa is located atop a higher mountain to the north of Doi Kham, known as Phra That Doi Suthep.

Wat Phra That Doi Kham

วัดพระธาตุดอยคำ

佛教寺院的传说

位于清迈市附近的多伊噶寺，是由哈里普贾伊王国的女王詹塔维于公元1230年建造的，寺庙的设计由她的两个儿子负责。这里供奉着佛陀的舍利子，此外还有僧舍和泥塑佛像。最初名为苏万巴普寺，但当地人更习惯称之为“多伊噶寺”。

在1966年，多伊噶寺陷入废弃状态。后来村民们在附近发现了多件文物，包括金色石雕、泥土佛像等，因此这些遗物被安放在多伊噶寺内。作为当地人朝圣的圣地，多伊噶寺也成为泰航飞行员的重要视觉标志，在飞机降落清迈机场之前用于确定降落区域。

传说

在清迈的西方道路旁，有一片山脉，这里是两座重要而古老的佛塔的安置之地，分别由哈里普贾伊王国和兰纳王国的君主所建。多伊噶寺坐落于其中一座小山顶，海拔约200米，位于清迈市的西南方向。相传该地曾经是名为吉卡姆和塔基约的二位巨人的栖息地，而后当地人称这二位巨人为“古祖—雅祖”。他们有一个名为“苏特瓦西”的孩子。该地被称为“多伊噶寺”，是因为这对巨人曾从佛陀那里获得佛发，经历了几天的暴雨，山上的黄金矿石被冲刷到洞穴口，因此这个山被称为“多伊噶”。

许多传说提到，天神将佛陀赐予古祖和雅祖的佛发埋藏在这个山上的佛塔内。后来在公元1230年，哈里普贾伊王国的王子曼泰和阿南泰上山建造了这个佛塔以供奉佛发。而另一座佛塔，即多伊苏泰佛塔，则位于多伊噶寺的北侧高峰之上。

TripNiceDay

เที่ยว

กลับบ้าน

พรุ่งนี้

ครอบครัว

This user has not created any photos yet.

This user has not created any places yet.

This user has not created any blogs yet.