สะพานซูตองเป้ (Zutongpae Bridge)” เป็นสะพานไม้ไผ่ มีความกว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 500 เมตร คำว่า ซูตองเป้ เป็นภาษาไทยใหญ่ มีความหมายว่า “ความสำเร็จ” เป็นสะพานไม้ที่มีเสน่ห์ สวยงามและความเป็นมาที่เป็นความภูมิใจของคนที่นี่

Zutongpae Bridge (Zutongpae Bridge)” is a bamboo bridge with a width of 2 meters and a length of about 500 meters. Meaning “success”, it is a charming wooden bridge. Beautiful and the history that is the pride of the people here.

Sutongpe Bridge

สะพานซูตองเป้

祖通佩桥（Zutongpae Bridge）”是一座宽2米，长约500米的竹桥。寓意“成功”，是一座迷人的木桥。美丽的历史是这里人民的骄傲。

苏通佩大桥

เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายในถ้ำปลาเป็นแอ่งน้ำ และมีปลาตัวใหญ่ๆ อาศัยอยู่จำนวนมาก มีชื่อเรียกว่า ปลามุงหรือปลาคัง วงศ์เดียวกันกับปลาคาร์พ 

อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่วนอุทยานถ้ำปลา และวนอุทยานน้ำตกผาเสื่อ ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ปายฝั่งขวา อยู่ในอำเภอปางมะผ้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ

It is one of the national parks in Thailand. Located in the area of Mueang Mae Hong Son District. and Pang Mapha District Mae Hong Son Province Inside the fish cave is a pool of water. and there are big fish live a lot is called Mung fish or Kang fish same family as carp

fish cave

อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ

它是泰国的国家公园之一。位于Mueang Mae Hong Son区。和 Pang Mapha 区夜丰颂府鱼洞内有一潭水。还有大鱼生活很多叫做绿鱼或康鱼鲤鱼一家

鱼洞

ชมความงดงามของสายน้ำสีขาวขุ่นที่มีต้นกำเนิดจากลำน้ำแม่สะงาในพม่า โดยน้ำตกผาเสื่อนั้นจัดเป็นน้ำตกขนาดกลาง ที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร กว้าง 15 เมตร และมีน้ำให้นักท่องเที่ยวได้ชุ่มฉ่ำกันตลอดทั้งปี ช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำตกสายนี้ก็จะไหลเต็มหน้าผากว้างจนดูคล้ายเสื่อที่ปูลาดลงมา และกลายเป็นที่มาของชื่อน้ำตกผาเสื่อ ครั้นช่วงหน้าแล้งเมื่อน้ำลดน้อยลง ก้อนหินน้อยใหญ่ที่หลบซ่อนอยู่ใต้สายน้ำมานานก็จะเผยตัวออกมาอวด

Witness the beauty of the milky white stream that originates from the Mae Sa Nga River in Burma. Pha Suea Waterfall is classified as a medium-sized waterfall. with a height of about 10 meters and a width of 15 meters, and there is water for tourists to soak up throughout the year during the flood season This waterfall will flow over a wide cliff until it looks like a mat that has been laid down. and became the origin of the name Pha Suea Waterfall in the dry season when the water decreases Small and large stones that have been hidden under the water for a long time will reveal themselves.

Pha Suea Waterfall

น้ำตกผาเสื่อ

见证发源于缅甸 Mae Sa Nga 河的乳白色溪流的美丽。 Pha Suea 瀑布被归类为中型瀑布。高约10米，宽约15米，一年四季都有供游客泡脚的水汛期这条瀑布会从宽阔的悬崖上流过，直到它看起来像一张铺好的垫子。并成为 Pha Suea 瀑布名称的由来在旱季，当水量减少时长期隐藏在水下的大大小小的石头会显露出来。

帕苏瀑布

ชมความงดงามของสายน้ำสีขาวขุ่นที่มีต้นกำเนิดจากลำน้ำแม่สะงาในพม่า โดยน้ำตกผาเสื่อนั้นจัดเป็นน้ำตกขนาดกลาง ที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร กว้าง 15 เมตร และมีน้ำให้นักท่องเที่ยวได้ชุ่มฉ่ำกันตลอดทั้งปี ช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำตกสายนี้ก็จะไหลเต็มหน้าผากว้างจนดูคล้ายเสื่อที่ปูลาดลงมา และกลายเป็นที่มาของชื่อน้ำตกผาเสื่อ ครั้นช่วงหน้าแล้งเมื่อน้ำลดน้อยลง ก้อนหินน้อยใหญ่ที่หลบซ่อนอยู่ใต้สายน้ำมานานก็จะเผยตัวออกมาอวด อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวน้ำตกผาเสื่อ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ที่ไม่เพียงได้ชื่นใจกับสายน้ำ ยังจะได้ตื่นตากับฝูงปลาที่ว่ายเวียนอยู่ในสายธาร และถ้ามีเวลาเหลือพอ ลองแวะขึ้นไปชม "พระตำหนักปางตอง" ที่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตก หรือลงไปชมและให้อาหารปลาที่ "ถ้ำปลา" ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ก็เป็นไอเดียที่เข้าท่าทีเดียว เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น. สำหรับค่าเข้าชมนั้น ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท / ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 5369 2055


Witness the beauty of the milky white stream that originates from the Mae Sa Nga River in Burma. Pha Suea Waterfall is classified as a medium-sized waterfall. with a height of about 10 meters and a width of 15 meters, and there is water for tourists to soak up throughout the year during the flood season This waterfall will flow over a wide cliff until it looks like a mat that has been laid down. and became the origin of the name Pha Suea Waterfall in the dry season when the water decreases Big and small rocks that have been hidden under the water for a long time will show themselves. However, the best time to visit Pha Suea Waterfall is starting from July-September which is during the rainy season not only delighted with the river You will also be dazzled by schools of fish swimming in the stream. and if there is enough time left Try to visit "Pangtong Palace", not far from the waterfall Or go down to see and feed the fish at "Tham Pla" in the Tham Pla-Namtok Pha Suea National Park. Open daily from 8:30 a.m. to 5:00 p.m. Admission is 20 baht for Thai adults, 10 baht for children / 100 baht for foreign adults, 50 baht for children. For more information, call 0 5369 2055.

见证发源于缅甸 Mae Sa Nga 河的乳白色溪流的美丽。 Pha Suea 瀑布被归类为中型瀑布。高约10米，宽约15米，一年四季都有供游客泡脚的水汛期这条瀑布会从宽阔的悬崖上流过，直到它看起来像一张铺好的垫子。并成为 Pha Suea 瀑布名称的由来在旱季，当水量减少时长期隐藏在水下的大大小小的岩石都会现身。不过，参观 Pha Suea 瀑布的最佳时间是从七月到九月开始这是在雨季不仅喜欢河流溪流中成群结队的鱼群也会让您眼花缭乱。如果还有足够的时间尝试访问距离瀑布不远的“庞统宫”或者去 Tham Pla-Namtok Pha Suea 国家公园的“Tham Pla”看鱼和喂鱼。每天上午 8:30 至下午 5:00 开放。泰国成人 20 泰铢，儿童 10 泰铢/外国成人 100 泰铢，儿童 50 泰铢。欲了解更多信息，请致电 0 5369 2055。

หมู่บ้านบรรยากาศสุดอบอุ่น ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เดิมชื่อ “บ้านแม่ออ” เป็นชุมชนชาวจีนยูนนาน ลูกหลานทหารกองพล 93 ที่เดินทางมากจากตอนใต้ของจีนเมื่อหลายสิบปี ก่อน ปัจจุบันอาศัยอยู่ร่วมกันกับพี่น้องชาวไทใหญ่และชาวไทยภูเขาเผ่าอื่น ๆ

The village has a warm atmosphere. Located at Village No. 6, Tambon Mok Champae Mueang Mae Hong Son District, formerly known as "Ban Mae O", is a Yunnan Chinese community. Descendants of the 93rd Brigade who traveled from southern China decades ago, now live together with their brothers and sisters from Shan and other hill tribes.

Rak Thai Village

หมู่บ้านรักไทย

村子里洋溢着温暖的气息。位于Village No. 6, Tambon Mok Champae Mueang Mae Hong Son District，原名“Ban Mae O”，是云南华人社区。几十年前从中国南方来的第93旅的后代，现在和他们来自掸族和其他山地部落的兄弟姐妹住在一起。

泰国村

Day2 ไปแม่ฮ่องสอน ไปตามหาทองคำกับจิ่งนะ

ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ ดอกบัวตอง 500 ไร่ จะบานสะพรั่งพร้อมๆ กันในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม

Thung Bua Tong, Doi Mae U Kho, 500 rai of lotus flowers will bloom at the same time together during November-December

Thung Bua Tong, Doi Mae U Kho

ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ

Thung Bua Tong, Doi Mae U Kho, 500莱莲花同时盛开11月-12月一起

อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ บ้านหัวแม่สุริน ตำบลแม่อูคอ ห่างจากตัวอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ประมาณ 50 กิโลเมตร น้ำตกแม่สุรินทร์เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันที่มีความสูงประมาณ 80 เมตร และนับเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย น้ำตกสายนี้มีแม่น้ำสุรินทร์เป็นแหล่งต้นน้ำ หมอกปกคลุมท่ามกลางป่าเขาและมีน้ำไหลตลอดทั้งปี

Mae Surin Waterfall National Park Ban Hua Mae Surin, Mae U Kho Sub-district, about 50 kilometers from Mae Hong Son District. Mae Surin Waterfall is a single-level waterfall that flows down from a steep cliff with a height of about 80 meters and is considered one of the highest waterfalls in Thailand. Thailand This waterfall has the Surin River as its source. Mist covers the forest and there is water flowing all year round.

Mae Surin Waterfall National Park

อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์

湄苏林瀑布国家公园Ban Hua Mae Surin, Mae U Kho Sub-district, 距夜丰颂区约50公里. Mae Surin Waterfall是一个单层瀑布，从高约80米的陡峭悬崖上流下，被认为是世界上最美丽的瀑布之一泰国最高的瀑布。泰国这个瀑布的源头是苏林河。雾笼林，终年有水流。

湄苏林瀑布国家公园

ผาบ่อง

"วัดก้ำก่อ" (ก้ำก่อภาษาไทยใหญ่แปลว่า "ดอกบุนนาค")ตามประวัติกล่าวว่าวัดก้ำก่อสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ . ศ 2433 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 13 ค่ำเ เดือน 2 ปีขาล จ . ศ . 1252 โดยเจ้าอาวาสรูปแรกของวัด นามว่า '' ครูบาเฒ่า '' ชาวไทใหญ่ผู้อพยพมาจากเมืองเชียงทอง เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดนี้ขึ้น ชาวบ้านทั่วไปขนานนามท่านว่า '' ตุ๊เจ้าเจียงตอง '' ( ออกเสียงตามภาษาพื้นเมือง ) หมายถึงพระที่มาจากเมืองเชียงของนั่นเอง ประวัดการก่อตั้งวัดก้ำก่อพอจะสรุปได้ว่าเมื่อครั้งที่ครูบาเฒ่าอพยพมาจากเมืองเชียงทองเข้ามาสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น ท่านได้เดินทางมาจนพบที่ว่างขนาดครึ่งสนามฟุตบอลอยู่ท่ามกลางป่าไม้ล้อมรอบ สามารถสร้างวัดได้โดยไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่าหรือทำการปรับพื้นที่ให้ ๆ อีกจึงได้ชักชวนชาวบ้านมาดูและตัดสินใจสร้างวัดขึ้นในที่นั้น โดยชาวบ้านเป็นผู้หาวัสดุก่อสร้างและลงแรงกันเอง วัดก้ำก่อมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ คือมีการสร้างวัดโดยฝีมือของช่างชาวไทใหญ่ที่ได้เข้ามาอาศัยและได้ศรัทธาในวัดนี้ วัดก้ำก่อมีสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่น คือมีซุ้มประตูทางเข้าไปสู่ศาลาการเปรียญ หรือที่เรียกว่า "ส่างหว่าง" เป็นเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของอาคารทางพระพุทธศาสนาในจังหวัดแม่ฮ่องสอนตามแบบสถาปัตยกรรมไต(ไทใหญ่) จะมีเฉพาะอาคารวัดเท่านั้นไม่มีในอาคารบ้านเรือนของชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ในสมัยก่อนเมื่อจะเข้าไปในวัดชาวบ้านจะนิยมถอดรองเท้าไว้แล้วเดินเข้าวัดทาง "ส่างหว่าง" เนื่องจากเชื่อกันว่าถ้าสวมรองเท้าเข้าไปในวัดนอกจากจะไม่เคารพสถานที่แล้ว เวลาเดินออกจากวัดนั้นยังจะมีดินมีทรายติดรองเท้าไปด้วยถือว่าเป็นบาปมาก และเพื่อไม่ให้นำสิ่งสกปรก สิ่งไม่ดีไม่งามทั้งหลายเข้าไปในวัดและในขณะเดียวกันก็จะไม่เอาอะไรออกจากวัดไป ดังนั้นเมื่อเรายืมสิ่งของจากวัดเช่น ถ้วย จาน ฯลฯ ของวัดไปใช้ในงานบุญต่าง ๆ แล้ว เวลาส่งคืนวัดหากสิ่งของใดขาดไปต้องรีบเอาสิ่งนั้นในบ้านมาใช้แทนหรือไม่ก็ซื้อใหม่มาใช้แทนทันที โดยจะถือว่าสิ่งของของตนไปอยู่ในวัดดีกว่าสิ่งของในวัดมาอยู่ในบ้านของตน ส่างหว่างเป็นสถาปัตยกรรมไต (ไทใหญ่) ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2484 โดยนายส่วยจิ่ง นางยุ้น ตรีทอง เป็นเจ้าศรัทธาสร้างถวาย สิ่งสำคัญภายในวัด ประกอบด้วย 1. พระประธาน พระสังฆราชองค์ปัจจุบันเป็นผู้ประทานให้วัด 2. พระมัณฑะเลย์ ย้ายมาจากอุโบสถหลังวิหารวัดพระนอน จเรหม่องเจ้าศรัทธาและได้นำมาประดิษฐ์ไว้ที่วัดก้ำก่อเมื่อ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8 พ.ศ. 2509 โดยมีหลวงพ่อกุงหม่า (กมล)กุสโลภิกขุและพระมหารักษ์ สุภิญโญ ได้อัญเชิญนำมาประดิษฐ์ไว้ ณ วัดก้ำก่อ รวมอายุประมาณ 80 ปี 3. พระสาน (อายุประมาณ 114 ปี) ศรัทธาแม่เฒ่าจางย้อย เช่าบูชามาจากมัณฑะเลย์ประเทศพม่านำมาถวายเป็นองค์ประธาน ณ วัดก้ำก่อ ตั้งแต่เริ่มสร้างวัด 4. พระหินอ่อนทรงเครื่อง ศรัทธา คุณบุญชู คุณปริศนา ตรีทอง นำมาจากประเทศพม่า เพื่อถวายให้ประดิษฐ์อยู่ที่วัดก้ำก่อเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2533 5. ธรรมาสน์เก่าแก่ ศรัทธาพ่อเฒ่าจองติยะ นางโหย่ง ถวายเมื่อเริ่มสร้างวัด รวมอายุประมาณ 114 ปี 6. พระหินดำ เป็นศิลปกรรมมาจากอังวะ (เอว่า) เช่ามาจากร้านขายของเก่าบริสุทธิ์แอนติก อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2539 7 . โบสถ์ สร้างขึ้นเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2533 ใช้ในการประกอบศาสนพิธีของคณะสงฆ์ เป็นโบสถ์ที่ผสมผสานศิลปแบบไทใหญ่ และพม่า 8 . ศาลาปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ขนาดบรรจุ ผู้ปฏิบัติธรรมได้ไม่น้อยกว่าครั้งละ 100 คน สร้างเมื่อ 10 มีนาคม 2519 9 . ศาลาสุวรรณสมบูรณ์ สร้างขึ้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2516 ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา รวมทั้งใช้เก็บศพ และสวดพระอภิธรรม 10 . โรงครัว สร้างเมื่อ 19 ธันวาคม 2529 ใช้ในการทำอาหารเพื่อนำมาเลี้ยงในงานหรือพิธีต่าง ๆ 11 . กุฏิรับรองหลังใหญ่ ใช้บรรจุผู้มาเยือน และพักอาศัยได้ครั้งละไม้น้อยกว่า 50 คน 12 . กุฏิรับรองหลังเล็ก ใช้บรรจุผู้มาเยือน และพักอาศัย 13 . กุฏิพระครูปัญญาวราภรณ์ ลักษณะเป็นตึกแถว มีห้องนอนห้องน้ำห้องส้วมเป็นสัดเป็นส่วน สร้างเมื่อ 17 สิงหาคม 2531 14 . กุฏิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ท่านเคยเสด็จมาพำนักและนำพระประธาน ขนาดหน้าตัก 60 นิ้ว ปาง "มารวิชัย" ไปประธานให้เป็นมิ่งขวัญแก่วัด เมื่อ 14 พ.ย. 2520 และ 14 ก.พ. 2532 15 . ศาลาหลวงปู่โต เป็นที่ประดิษฐ์สถานรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) และรูปเหมือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปิยมหาราช สร้างเมื่อ 16 มีนาคม 2532 นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 053 612 226


"Wat Kam Ko" (Kam Ko in Thai Yai means According to history, Wat Kam was built on 22 January 1890, which falls on the 13th day of the waxing moon in the 2nd month of the Tiger Year, 1252 by the first abbot of the temple named ''Kruba. Old man, Shan people who migrated from Chiang Thong who initiated the construction of this temple The villagers generally call him '' Tu Chao Jiangtong '' (pronounced according to the local language), referring to a monk who came from Chiang Khong. About the establishment of Wat Kam Ko, it can be concluded that when the old teacher migrated from Chiang Thong to Mae Hong Son Province, He traveled until he found an empty space the size of half a football field in the middle of the surrounding forest. Able to build a temple without deforestation or adjusting the area again, so he persuaded the villagers to come and see and decide to build a temple in that place. The villagers find construction materials and work for themselves. Wat Kam Khor has a Tai Yai architectural style. is that the temple was built by the skill of Shan artisans who came to live and have faith in this temple Wat Kam Ko has an outstanding building. is that there is an arch leading to the sermon hall Also known as "Sang Wang", it is an architectural identity of Buddhist buildings in Mae Hong Son Province in the style of Tai (Tai Yai) architecture. Entering the temple, villagers prefer to take off their shoes and walk into the temple via the "Sang Wang" way because it is believed that if wearing shoes entering the temple, in addition to disrespecting the place When walking out of the temple, there will still be dirt and sand attached to the shoes, which is considered a very bad sin. and so as not to bring dirt Evil things enter the temple and at the same time do not take anything out of the temple. Therefore, when we borrow items from the temple such as cups, plates, etc. of the temple to use in various merit ceremonies, when returning to the temple, if any item is missing, we must quickly bring that thing in the house to use instead or buy a new one to use immediately. They consider their things to be in the temple better than the things in the temple to live in one's house. Sang Hoang is Tai (Tai Yai) architecture, built in 1941 by Mr. Suai Ching, Mrs. Yun Trithong, who was a devotee. Important things in the temple consist of: 1. The main Buddha image, the present Patriarch gave it to the temple Jarae Mong Chao Satya and brought it to Wat Kam Ko on the 13th day of the 8th lunar month, 1966, with Luang Por Kung Ma. (Kamon) Kuslophikhu and Phra Maharak Supinyo brought to be invented at Wat Kam Ko, the total age is about 80 years old. Rented an altar from Mandalay, Burma, presented as the president at Wat Kam Kor since the beginning of the temple's construction. to offer to the invention at Wat Kam Kor on April 7, 1990 5. Old pulpit Old man Chongtiya's faith, Mrs. Yong offered when he started building the temple. The total age is about 114 years. 6. The Black Stone Buddha is a work of art from Inwa (Eva) rented from a pure antique shop. San Kamphaeng District Chiang Mai Province on April 7, 1996. 7. Church built on January 8, 1990, used for religious ceremonies of the clergy. It is a church that combines Tai Yai and Burmese arts. 8 . Meditation practice hall, capacity for not less than 100 practitioners at a time, built on March 10, 1976. 9 . Suwan Somboon Pavilion Built on December 5, 1973, used for religious ceremonies. Including the collection of corpses 10 . Kitchen built on December 19, 1986, used to cook food for feasting on events or ceremonies. 11 . used to contain visitors and can live in less than 50 people at a time 12 . used to contain visitors and stay 13 . looks like a row house There is a bedroom, bathroom and toilet in proportion. Built on August 17, 1988. 14 . Supreme Patriarch He used to come to stay and bring the main Buddha image, lap size 60 inches, in the posture of "Marawichai" as a symbol of the temple on November 14, 1977 and February 14, 1989. 15 . Luang Pu To Hall It is a statue of Somdet Phra Phutthachan (To Phromrangsi) and a portrait of King Chulalongkorn, built on March 16, 1989. Interested tourists can contact for more information at Tel. 053 612 226.

Wat Kam Ko

วัดก้ำก่อ

“Wat Kam Ko”（Kam Ko 在 Thai Yai 的意思是根据历史，Wat Kam 建于 1890 年 1 月 22 日，也就是公元 1252 年虎年二月上弦月的第 13 天，由寺庙的第一任住持“古巴”建造。老人，掸族谁从清通移民过来的谁发起了这座寺庙的建设村民们普遍称他为“土朝江通”（根据当地语言发音），指的是从清孔来的和尚。关于Wat Kam Ko的建立，可以得出结论，当老老师从清通迁移到夜丰颂府时，他一路前行，直到在周围的森林中央发现了一块半个足球场大小的空地。无需砍伐森林或重新调整区域就能建庙，于是他说服村民来看望，决定就地建庙。村民们自己找建筑材料，自己干活。 Wat Kam Khor 具有泰亚建筑风格。是这座寺庙是由来此居住并信仰这座寺庙的掸邦工匠的技艺建造的Wat Kam Ko 有一座杰出的建筑。是有一个拱门通向布道厅又称“桑王”，是湄宏顺府佛教建筑的标志性建筑，具有泰式（Tai Yai）建筑风格。 “桑王”的方式是因为人们认为，如果穿着鞋子进入寺庙，除了对地方不敬之外走出寺庙，鞋子上还会沾上泥土和沙子，这被认为是非常严重的罪过。以免带来污垢邪恶的东西进入圣殿，同时也不会带走任何东西离开圣殿。所以，当我们从寺庙借用寺庙的杯盘等物品，用于各种功德法会时，回到寺庙时，如有遗失，一定要赶快拿回屋内使用。相反，或购买一个新的立即使用。他们认为自己的东西在圣殿里，胜过圣殿里的东西住在自己家里。 Sang Hoang是泰（Tai Yai）建筑，由信奉者Suai Ching先生和Yun Trithong夫人于1941年建造。寺内重要物品包括： 1. 主佛像，现任祖师赠寺Jarae Mong Chao Satya，并于 1966 年农历八月十三日与 Luang Por Kung Ma 一起将它带到 Wat Kam Ko。 (Kamon) Kuslophikhu 和 Phra Maharak Supinyo 被带到 Wat Kam Ko 发明，总年龄约为 80 岁。从缅甸曼德勒租了一座佛坛，自建寺之初就在金阁寺供奉为院长。于 1990 年 4 月 7 日在 Wat Kam Kor 献上这项发明 5. 旧讲坛崇提崖老人的信仰，是雍夫人在开建寺时献上的。总年龄约114岁 6.黑石佛是因瓦（伊娃）从纯古董店租来的艺术品。山甘烹区1996年4月7日清迈省。 7. 教堂建于1990年1月8日，用于神职人员的宗教仪式。是泰亚和缅甸艺术相结合的教堂。 8. 禅修堂，可同时容纳不少于100人，建于1976年3月10日。 9. Suwan Somboon Pavilion 1973年12月5日建成，用于宗教仪式。包括收集尸体10、1986年12月19日建造的厨房，用于烹调宴会或喜庆宴请的食物。 11．用于容纳访客并且一次可以住不到50人 12 。用来容纳访客和逗留 13 ．看起来像排屋1988年8月17日建成。14．最高族长1977 年 11 月 14 日和 1989 年 2 月 14 日，他曾以“Marawichai”的姿势来留下 60 英寸的主佛像作为寺庙的象征。 15 . Luang Pu To Hall它是Somdet Phra Phuttachan (To Phromrangsi) 的雕像和朱拉隆功国王的肖像，建于1989年3月16日。有兴趣的游客可以联系电话053 612 226了解更多信息。

金阁寺

วัดม่วยต่อ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2432 โดยเจ้านางเมียะ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนในสมัยนั้น ชื่อวัดนี้ได้มาจากเจ้าอาวาสรูปแรกย้ายมาจากวัดม่วยต่อ อำเภอหมอกใหม่ รัฐฉาน ในประเทศเมียนมา และท่านได้นำชื่อวัดม่วยต่อมาใช้ด้วย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "จองหม่วยต่อ" และเรียกกันมาจนถึงปัจจุบัน วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเมื่อปี พ.ศ. 2466 ครั้นในปี พ.ศ. 2498 พระราชวีรกรเจ้าอาวาสวัดม่วยต่อ และเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สร้างศาลาการเปรียญทรงไทใหญ่ขึ้นใหม่ เป็นศาลาการเปรียญในสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน วัดม่วยต่อแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งสำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะไม่เพียงสะท้อนวัฒนธรรมไทใหญ่ผ่านสถาปัตยกรรมล้ำค่าและประเพณีต่าง ๆ เช่น ประเพณีต่างซอมต่อโหลง (ถวายข้าวมธุปายาส) เทศกาลเข้าพรรษา เทศกาลออกพรรษา งานสงกรานต์ที่จัดขึ้นเป็นประจำภายในวัดเท่านั้น หากยังมีสิ่งสำคัญที่น่าชมมากมาย วัดม่วยต่อจัดงานประเพณีเขาวงกตทุกวันขึ้น 10-15 ค่ำ เดือน 12 ไฮไลต์น่าชม พระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปทองเหลือง นำมาจากประเทศพม่าในปี พ.ศ. 2466 พระประธานในศาลาการเปรียญ เป็นพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ ศิลปะแบบพม่า พระพุทธรูปสิงห์ 1 สิงห์ 3 ภายในวัด ประดิษฐานอยู่หน้าพระประธานในศาลาการเปรียญ งาช้างแกะสลักเป็นพระพุทธรูป 2 คู่ อยู่ภายในศาลการเปรียญ นำมาจากประเทศพม่าในปี พ.ศ. 2466 แท่นพระแบบปราสาทยอดแหลม เจดีย์และระฆังแบบกระดิ่งรูปใหญ่ ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างทรุดโทรม พระเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ ล้อมรอบด้วยพระเจดีย์บริวาร ยอดประดับด้วยฉัตรโลหะ แขวนกระดิ่งโดยรอบและจอง (ปราสาท) ซึ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2527


Wat Muay Tor was built in 1889 by Chao Nang Mya. which is the governor of Mae Hong Son in those days The name of this temple comes from the first abbot who moved from Wat Muay Tor. Mok Mai District, Shan State, Myanmar And he brought the name of Wat Muay later to be used as well so the villagers called it "Jong Muay Tor" and called each other until today This temple was legally registered in 1923. In 1955, the abbot of Wat Muay Tor and the Primate of Mae Hong Son Province Has built a new Tai Yai sermon hall It is a sermon pavilion in Tai Yai architecture that is currently in use. This Muay Tor temple is very important for Mae Hong Son province. because it not only reflects Tai Yai culture through precious architecture and various traditions (offering rice to Madhupayas), the Buddhist Lent festival End of Buddhist Lent Songkran festivals that are held regularly within the temple only. If there are many important things to see Wat Muay Tor organizes the Labyrinth Festival every day from the 10th to the 15th of the 12th lunar month, highlighting the main Buddha image in the ubosot. is a brass Buddha image Brought from Burma in the year 1923, the principal Buddha image in the sermon hall It is a bronze Buddha image in the Burmese art style, with a Singha 1 Singha 3 Buddha image in the temple enshrined in front of the main Buddha image in the sermon hall. Two pairs of ivory Buddha statues are carved inside the sermon hall. Brought from Burma in 1923 Pagodas and large bell-shaped bells which is currently quite dilapidated The pagoda is in Mon uniform. Surrounded by the family pagoda The crown is decorated with metal tiers. Hang bells around and jong (castle), which was rebuilt in 1984.

Wat Muay Tor

วัดม่วยต่อ

Wat Muay Tor 由 Chao Nang Mya 于 1889 年建造。是当时夜丰颂的省长这座寺庙的名字来自第一位从 Wat Muay Tor 搬来的住持。缅甸掸邦莫迈区他带来了 Wat Muay 的名字，后来也被使用了所以村民们称它为“Jong Muay Tor”直到今天还互相称呼这座寺庙于1923年合法注册。1955年，Wat Muay Tor的住持和夜丰颂府的灵长类动物已建新太极讲堂是目前在用的泰族建筑讲经亭。这座 Muay Tor 寺庙对夜丰颂府非常重要。因为它不仅通过珍贵的建筑和各种传统来体现泰族文化（向 Madhupayas 提供米饭），佛教四旬节佛教四旬期结束仅在寺庙内定期举行的泼水节节日。如果有很多重要的事情要看Wat Muay Tor 每天从农历十二月十日到十五日举办迷宫节，突出 ubosot 中的主要佛像。是黄铜佛像1923年从缅甸运来，法堂主佛为一尊缅甸艺术风格的青铜佛像，在讲经堂主佛像前供奉着寺庙内的僧伽一僧伽三佛像。讲经堂内雕有两对象牙佛像。 1923年从缅甸带来宝塔和大钟形铃铛目前相当破旧宝塔穿着周一制服。被家庭宝塔包围表冠装饰有金属层。 Hang bells around and jong（城堡），于 1984 年重建。

泰拳

วัดพระธาตุดอยกองมู แหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นประจำท้องถิ่น วัดเก่าแก่คู่เมืองแม่ฮ่องสอนที่ตั้งอยู่บนยอดเขามีความสูง 1,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล กล่าวกันว่าใครที่มาแม่ฮ่องสอนแล้วไม่ได้ไปที่นี่ถือว่ายังไม่มาถึง ทั้งนี้เดิมชื่อวัดปลายดอย ตั้งอยู่บนยอดดอยกองมู พระธาตุเจดีย์ของวัดนี้สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกในแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วยพระเจดีย์ 2 องค์ ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระธาตุดอยกองมูตามนามพระธาตุ นอกจากเป็นศาสนสถานสำคัญแล้วยังเป็นจุดชมวิวเมืองของแม่ฮ่องสอนด้วย เพราะสามารถที่จะเห็นภูมิประเทศของเมืองแม่ฮ่องสอน และเทือกเขาถนนธงชัยสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา

Wat Phra That Doi Kong Mu Outstanding local attraction The ancient temple of Mae Hong Son, located on the top of a mountain, is 1,300 meters above sea level. It is said that anyone who comes to Mae Hong Son and does not go here is considered as yet. Formerly known as Wat Plai Doi. Located on top of Doi Kong Mu. Phra That Chedi of this temple was built for the first time in Mae Hong Son. Consists of 2 pagodas, later changed the name to Wat Phra That Doi Kong Mu after the name of Phra That In addition to being an important religious place, it is also a view point for the city of Mae Hong Son. because able to see the topography of Mae Hong Son and Thanon Thongchai mountain range, complex as far as the eye can see

Wat Phra That Doi Kong Mu

วัดพระธาตุดอยกองมู

Wat Phra That Doi Kong Mu杰出的当地景点夜丰颂古庙位于山顶，海拔1300米。据说凡是来夜丰颂不去这里的人都被认为是。以前称为 Wat Plai Doi。位于Doi Kong Mu之上。这座寺庙的 Phra That Chedi 是第一次在夜丰颂建造的。由2座宝塔组成，后来以Phra That的名字更名为Wat Phra That Doi Kong Mu除了是一个重要的宗教场所，它也是夜丰颂市的一个观景点。因为可以看到夜丰颂的地形和 Thanon Thongchai 山脉，一望无际的复杂

วัดหัวเวียงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2406 และเป็นวัดหลังที่สองของเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งคำว่า หัวเวียง นั้นก็คือหัวเมืองนั่นเอง กล่าวกันว่า วัดหัวเวียงหลังแรกสร้างขึ้นมามีศาลาการเปรียญถึง 7 หลัง แต่พอถึง พ.ศ. 2515 ศาลาทั้ง 7 หลังนี้ ได้ถูกรื้อถอนทั้งหมด และได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ที่ใช้กันจนถึงปัจจุบันขึ้นมาแทน ความสำคัญของวัดหัวเวียงนั้น ถือเป็นศูนย์กลางของแม่ฮ่องสอน และเป็นที่ใช้ประโยชน์สำหรับสาธารณะ เช่น เป็นหน่วยเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล สมาชิกสภาจังหวัด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตลอดทั้งยังเป็นที่ชุมนุมของลูกเสือชาวบ้านทุกเดือน แม้แต่การประชุมพระสังฆาธิการในอำเภอและต่างอำเภอ ในจังหวัดและต่างจังหวัด ก็ยังจัดขึ้นที่วัดนี้เป็นประจำอยู่เสมอ ไฮไลท์น่าชม พระพุทธรูป 5 องค์ เป็นพระพุทธรูปโบราณ องค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง หันพระพักตร์อยู่ทางทิศตะวันออก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2406 องค์รองลงมาอยู่ด้านหน้าขององค์ใหญ่หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ส่วนองค์เล็กอีก 3 องค์ สร้างเรียงไว้ทางทิศเหนือ โดยจำนวน 2 องค์สร้างไว้ทางทิศใต้ และอีกองค์หนึ่งหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ วิหารพลาละแข่ง สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพลาละแข่งที่จำลองมาจากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ โดยลุงจองโพหย่าและลุงจองหวุ่นนะ ได้เดินทางไปนิมนต์มาพระเจ้าพลาละแข่งองค์นี้ และหล่อเป็นท่อน ๆ ทั้งหมด 9 ท่อน บรรทุกเรือมาตามแม่น้ำปาย แล้วมาประกอบที่วัดพระนอน ก่อนนำมาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง ซึ่งชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าพระเจ้าพลาละแข่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของแม่ฮ่องสอนอีกองค์หนึ่ง วิหารทรงปราสาท 2 องค์ โดยองค์ใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความกว้างและยาวเท่ากัน คือ 1,850 เมตร สูงจากพื้นประมาณ 15 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ พื้นล่างเป็นคอนกรีต เฉพาะพื้นด้านในปูด้วยกระเบื้องลายต่าง ๆ ผนังคอนกรีตขึ้นรับกับฝาลูกกรงไม้ หลังคาเป็นชั้น ๆ รวมสามชั้น ส่วนยอดเป็นยอดโดม มุงด้วยสังกะสี และสลักลวดลายสังกะสีประกอบทุกชั้น สำหรับวิหารหลังเล็กซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกนั้น ก่อสร้างแบบเดียวกับวิหารหลังใหญ่ และสันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นพร้อมกันแต่มีความละเอียดกว่า โดยมีหลังคา 5 ชั้น ไม่รวมยอดโดมและฉัตร ตัววิหารมีความกว้าง 6.40 เมตร ยาว 8.30 เมตร ภาษาไทใหญ่เรียกวิหารเล็กนี้ว่า "อะโหย่งข่าม" ซึ่งหมายถึงที่รับแขก วิหารหลังนี้ใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ปี จึงเสร็จเรียบร้อย โดยนำวัสดุในการก่อสร้างจำพวกสังกะสีกระจกสีและกระเบื้องปูพื้นมาจากเมียนมาร์ ศาลาจำศีล อาคารไม้หลังคามุงสังกะสีแห่งนี้ ประดับลายเจาะสังกะสี มีรูปทรงสวยงาม เป็นศาลาไม้แบบไทใหญ่ซึ่งสร้างขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์ และได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว อุโบสถหลังใหม่ สร้างตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมไทใหญ่ผสมผสานพม่า เป็นอาคารคอนกรีตหลังคายกชั้นสูงเป็นชั้น ๆ มุงกระเบื้องประดับลายเจาะสังกะสี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 5361 2003


Wat Hua Wiang was built in 1863 and was the second temple of Mae Hong Son, where the word Hua Wiang means the city itself. It is said that the first Hua Wiang Temple was built with 7 sermon halls. In 1972, all 7 pavilions were demolished. and built a new sermon pavilion that is used today instead The importance of Wat Hua Wiang considered the center of Mae Hong Son And is used for public use, such as a municipal council polling station. provincial council member Member of the House of Representatives It is also a gathering place for village scouts every month. Even the meeting of monks in the district and other districts in provinces and provinces It is still held at this temple on a regular basis. Big one in the middle Turning face to the east, built in 1863. The next one is in front of the big one, facing the east. As for the other 3 smaller ones, built in a row to the north, with 2 of them built to the south. and the other one turned his face toward the north. Palakkad temple It was built to enshrine a replica of the city of Mandalay. Myanmar by Uncle Jong Po divorced and Uncle Jong Woon has traveled to invite this Lord Phalala racing And cast into pieces, a total of 9 pieces, carried by boat along the Pai River and assembled at Wat Phra Non before being enshrined at Wat Hua Wiang Which the Mae Hong Son people regard Phra Chao Phala Racing as another priceless Buddha statue of Mae Hong Son There are 2 castle-shaped sanctuaries, with the main one being square with the same width and length, 1,850 meters, about 15 meters high from the ground. The building is made of wood. The ground floor is concrete. Only the inner floor is covered with tiles of various patterns, the concrete walls are supported by wooden balustrades. The roof is layered with a total of three layers, and the top is a dome. thatched with zinc and engraved with zinc patterns on every floor for the small temple located on the east side Built in the same style as the main temple And it is assumed that they were built at the same time, but with more detail, with a 5-tiered roof, excluding the top of the dome and tiered. The viharn is 6.40 meters wide and 8.30 meters long. "A Yong Kham" which means a place to receive guests This sanctuary took 2 years to complete the construction. Construction materials such as zinc, stained glass and floor tiles were brought from Myanmar. decorated with zinc punching pattern have a beautiful shape It is a Thai Yai-style wooden pavilion built in the Rattanakosin period. and has been registered as a historical site by the Fine Arts Department new ubosot Built in the style of Tai Yai architecture combined with Burma. It is a concrete building with elevated roofs, layered with tiles decorated with galvanized perforations. For more information, please call 0 5361 2003.

Wat Hua Wiang

วัดหัวเวียง

Wat Hua Wiang 建于 1863 年，是夜丰颂的第二座寺庙，Hua Wiang 一词的意思是城市本身。据说第一座 Hua Wiang 寺建有 7 个布道厅。1972 年，所有 7 个亭子全部建成拆除。并建造了一个今天使用的新布道亭Wat Hua Wiang 的重要性被认为是夜丰颂的中心并用于公共用途，例如市议会投票站。省议会议员众议院议员也是每个月村里童子军的聚集地。甚至本区与外区的僧人集会在省和省它仍然定期在这座寺庙举行。中间大一个面向东方，建于1863年。下一个在大的前面，面向东方。至于其他 3 个较小的，在北边建了一排，其中 2 个建在南边。另一个把脸转向北方。帕拉卡德神庙它的建造是为了供奉曼德勒市的复制品。缅甸by 钟宝叔叔离婚和钟云叔叔已经前往邀请这位 Phalala 勋爵参加比赛并铸成块，共9块，乘船沿排河而下并在 Wat Phra Non 集合在供奉于 Wat Hua Wiang 之前夜丰颂人将Phra Chao Phala Racing视为夜丰颂的另一尊无价佛像有城堡形神殿2座，主殿为长方形，长1850米，离地高约15米，建筑为木结构。一楼是混凝土。只有内层铺着各种图案的瓷砖，混凝土墙由木栏杆支撑。屋顶层层叠叠，共三层，顶部为穹顶。用锌盖的茅草并在每层楼上刻上锌花图案对于位于东侧的小寺庙与主殿风格相同并且假设它们是同时建造的，但有更多的细节，有 5 层屋顶，不包括圆顶和分层的顶部。殿宽6.40米，长8.30米。 “A Yong Kham”意思是接待客人的地方这个避难所花了2年时间才建成。锌、彩色玻璃和地砖等建筑材料是从缅甸运来的。饰有锌冲孔图案有一个美丽的形状是建于拉达那哥欣时期的泰式雅式木制凉亭。并已被美术系注册为历史遗址新ubosot泰雅建筑风格与缅甸相结合。这是一栋带有高架屋顶的混凝土建筑，层层叠叠的瓷砖装饰有镀锌穿孔。如需更多信息，请致电 0 5361 2003。

华威寺

เป็นวัดที่อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไม่ไกลจากสนามบิน และพระธาตุดอยกองมู เป็นวัดสำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดหนองจองคำ บรรยากาศดีเงียบสงบเป็นวัดศิลปพม่า

วัดจองคำหรือพระอารามหลวงวัดจองคำ เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2340 เป็นวัดแรกของเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นวัดเก่าแก่สร้างตามแบบอย่างศิลปไทยใหญ่ สิ่งที่โดดเด่นหลังคาทรงประสาท 9 ชั้น และมีศาสนสถานที่สำคัญคือ วิหารหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของแม่ฮ่องสอน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2477 โดยช่างชาวพม่า ในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระประธาน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2469 โดยช่างฝีมือชาวพม่า และมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งจำลองมาจากพระศรีศากยมุนีที่วิหารวัดสุทัศน์เหตุที่เรียกชื่อวัดจองคำเนื่องจากเสาวัดประดับด้วยทองคำเปลว

It is a temple located in Mae Hong Son town, not far from the airport. and Phra That Doi Kong Mu It is an important temple in Mae Hong Son province, next to Nong Chong Kham, good atmosphere, peaceful, is a Burmese art temple. Wat Chong Kham or Phra Aram Luang, Wat Chong Kham It is a temple built in 1797 as the first temple of Mae Hong Son. It is an old temple built in the style of Thai Yai art. What is outstanding is the 9-storey ceremonial roof and an important religious place. Luang Phor To Temple This is the largest Buddha image of Mae Hong Son, built in 1934 by Burmese craftsmen. Inside the viharn is enshrined Luang Pho To, the main Buddha image, built in 1926 by Burmese craftsmen. And there is a large Buddha image, which is a replica of Phra Si Sakyamuni at Wat Suthat, the reason why it is called Wat Chong Kham because the temple pillars are decorated with gold leaf.

Wat Chong Kham, Wat Chong Klang

วัดจองคำ วัดจองกลาง

这是一座位于夜丰颂镇的寺庙，离机场不远。和 Phra That Doi Kong Mu它是夜丰颂府重要的寺庙，紧邻农冲康，气氛好，祥和，是一座缅甸艺术寺庙。 Wat Chong Kham 或 Phra Aram Luang, Wat Chong Kham这是一座建于 1797 年的寺庙，是夜丰颂的第一座寺庙。这是一座按照泰雅艺术风格建造的古老寺庙。引人注目的是9层高的仪式屋顶和重要的宗教场所。龙普陀寺这是夜丰颂最大的佛像，由缅甸工匠于 1934 年建造。佛堂内供奉着由缅甸工匠于 1926 年建造的主要佛像 Luang Pho To。还有一尊巨大的佛像，是苏泰寺释迦牟尼佛的复制品，之所以被称为Wat Chong Kham，是因为寺庙的柱子上装饰着金箔。

Wat Chong Kham、Wat Chong Klang

ถนนคนเดินเล็กๆ ที่นี่มีอาหารพื้นเมือง เสื้อผ้า เครื่องประดับ และของที่ระลึกให้เลือกซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน โดยมีชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งร้านให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายกันอย่างคึกคักเลย ซึ่งในหน้าหนาวก็จะเปิดขายกันทุกวันไม่มีหยุด (15 ต.ค. - 15 มี.ค.) แต่หากเป็นหน้าร้อนก็เปิดเฉพาะวันศุกร์เสาร์เท่านั้น

small pedestrian street Here are local food, clothes, accessories. and souvenirs to choose to buy as souvenirs back home With villagers and merchants setting up shops for tourists to shop bustlingly. In the winter, they will open for sale every day without stopping (15 Oct. - 15 Mar.), but if it's summer, they'll open only on Friday and Saturday.

Mae Hong Son Walking Street

ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน

小步行街这里有当地的食物、衣服和配饰。和纪念品选择购买作为纪念品回家村民商贾开店供游人购物，熙熙攘攘。冬天每天（10月15日-3月15日）不停地开卖，但如果是夏天，就只在周五和周六营业。

夜丰颂步行街

Day1 ไปแม่ฮ่องสอน ไปตามหาทองคำกับจิ่งนะ

สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ติดชายขอบจังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ก่อนถึงอำเภอปางมะผ้า 20 กิโล โดยใช้เส้นทางอำเภอปาย-ปางมะผ้า เป็นจุดชมวิวที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1431 เมตร เป็นจุดพักรถ ถ่ายรูปชมวิวได้สวยอีกจุดนึง อยู่ติดถนนนักท่องเที่ยวจึงนิยมจอดรถแวะพักเข้าห้องน้ำ ดื่มกาแฟที่ร้านปลายฟ้า

จุดชมวิวดอยกิ่วลม

บ้านจ่าโบ่

ไปแม่ฮ่องสอน ไปตามหาทองคำกับจิ่งนะ

บริเวณด้านหน้าวัดจุฬาภรณ์วนาราม มีซุ้มไผ่เป็นอุโมงค์ไผ่ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่เอียงเข้าหากันระหว่างทางเดินมีความยาวประมาณ 800 เมตร สองข้างทางจะเป็นต้นไม้ไผ่สูง ยาว จนโค้งกลายเป็นอุโมงค์ทางเดินสุดร่มรื่น และเกิดเป็นอุโมงค์ไผ่สีเขียวขจี ที่สวยงาม 

โดยเฉพาะใครที่ไปในช่วงแดดร่ม ลมตก จะเห็นแสงแดดของดวงอาทิตย์ ลอดผ่านต้นไผ่ลงมา คล้านกับแสงแฟร์ ทำให้ ถ่ายรูปได้สวยงามอีกแบบหนึ่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนมักจะบอกกันว่าคล้ายกับป่าไผ่อาราชิยาม่าที่ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นจุดที่เหมาะกับการมาเดินเล่นพักผ่อน ได้นั่งพักเมื่อมาถึงแล้วก็สามารถเข้าไปไหว้พระที่วัดและทำบุญจุฬาภณ์วนารามได้อีกด้วย

In front of Wat Chulabhorn Wanaram There is a bamboo arch, a bamboo tunnel. naturally occurring Which tilts towards each other between the paths, about 800 meters long, on both sides of the path are tall and long bamboo trees that curve into a shady tunnel. And resulting in a beautiful lush green bamboo tunnel, especially those who go during the sun and wind, will see the sun's rays. passing down through the bamboo Similar to the fair light, making it possible to take beautiful pictures in another way Which many tourists tend to say that it resembles the Arashiyama bamboo forest in Japan. It is a good spot to come for a relaxing walk. Sit down and rest upon arrival, then can go to pay respect to the monks at the temple and make merit at Chulabhorn Wanaram as well.

Chulabhorn Wanaram Temple (Bamboo Arch)

วัดจุฬาภรณ์วนาราม (ซุ้มต้นไผ่)

在 Wat Chulabhorn Wanaram 前面有竹拱，竹隧道。自然发生小径之间相互倾斜，长约800米，小径两侧是高大修长的竹林，弯曲成一条阴凉的隧道。并由此形成了一条美丽的郁郁葱葱的绿色竹隧道，尤其是那些在阳光和风中走的人，会看到太阳的光芒。穿竹而下类似于柔和的光线，让拍出美丽的照片成为另一种方式许多游客倾向于说它像日本的岚山竹林。这是一个放松散步的好地方。抵达后坐下休息，然后可以去寺庙拜祭僧侣，也可以在朱拉蓬瓦纳拉姆做功德。

Chulabhorn Wanaram 寺（竹拱门）

วัดมณวงศ์

น้ำตกสาริกา เป็นน้ำตกในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ หมู่ที่ 3 ต.สาริกา อ.เมืองนครนายก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ไหลตกจากหน้าผาสูง ทั้งหมดถึง 9 ชั้น โดยผาที่สูงที่สุดประมาณ 200 เมตร ในแต่ละชั้นจะมีชั้นหินธรรมชาติรองรับน้ำและกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็ก ๆ อยู่ทั่วบริเวณชั้นของน้ำตก 

บริเวณใกล้เคียงกันมียังมี "ถ้ำสาริกา" เป็นสถานที่ที่ อาจารย์มั่น ภูริฑตฺโต เคยมาบำเพ็ญธรรม ส่วนทางขึ้น น้ำตกสาริกา จะมีศาล เจ้าพ่อปลัดจ่าง และ เจ้าแม่สาริกา ที่ชาวนครนายกและคนทั่วไปให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ก่อนเดินทางขึ้น น้ำตกสาริกา จึงควรแวะไหว้เพื่อเป็นศิริมงคล

Sarika Waterfall is a waterfall in Khao Yai National Park located at Mu 3, Sarika Subdistrict, Mueang Nakhon Nayok District. It is a large waterfall flowing down from a high cliff, totaling up to 9 levels, with the highest cliff about 200 meters. Each level has natural rock layers supporting the water and forming small pools throughout the waterfall floor. In the vicinity, there is also "Sarika Cave", a place where Ajarn Man Phuritto used to practice dharma. On the way up to Sarika Waterfall, there will be a shrine of Chao Por Palad Chang and Chao Mae Sarika. that the people of Nakhon Nayok and the general public have a lot of respect Before going up to Sarika Waterfall, you should pay respects to be auspicious.

Sarika Waterfall

น้ำตกสาริกา

Sarika Waterfall 是考艾国家公园的瀑布，位于 Mueang Nakhon Nayok 区 Sarika 分区 Mu 3。它是一条从高崖上流下的大瀑布，共有9级，最高的崖壁约200米，每一级都有天然岩层支撑水流，形成小水潭贯穿瀑底。附近还有“Sarika Cave”，这是Ajarn Man Phuritto曾经修行的地方。在去Sarika Waterfall的路上，会有Chao Por Palad Chang和Chao Mae Sarika的圣地。 Nakhon Nayok 人民和公众非常尊重上萨利卡瀑布前，要拜个吉祥。

TripNiceDay

Day2 ไปแม่ฮ่องสอน ไปตามหาทองคำกับจิ่งนะ

Day1 ไปแม่ฮ่องสอน ไปตามหาทองคำกับจิ่งนะ

ไปแม่ฮ่องสอน ไปตามหาทองคำกับจิ่งนะ

นครนาโย้ก

This user has not created any photos yet.

This user has not created any places yet.

This user has not created any blogs yet.