นอนพักเต็มอิ่มที่โรงแรม Mosstel ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้กับเซ็นทรัลพิษณุโลกมากแค่เดินข้ามฝั่งไปก็ถึงแล้ว โรงแรมนี้ห้องพักดีเตียงใหญ่สบายมาก มีอุปกรณ์ให้ครบครันราคาคืนละไม่ถึงพันบาทรวมอาหารเช้าก็ถือว่าโอเคเลยนะ
วัดใหญ่ - วัดนางพญา
หลังจากทานข้าวเช้าทานข้าวเช้าที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แพลนว่าจะไปไหว้พระที่วัดนางพญา ออกจากโรงแรมประมาณ 7:30 น ไปจอดรถที่วัดใหญ่ก่อน เพราะวัดใหญ่นั้นอยู่ตรงข้ามกับวัดนางพญา เช้ารถยังไม่เยอะมากก็สามารถเข้าไปหาที่จอดได้ หลังจากเดินข้ามถนนมาที่วัดนางพญาก็เห็นว่าโบสถ์ยังไม่เปิด ก็เลยต้องรออยู่บริเวณรอบๆ เลยคิดว่าถือโอกาสเข้าไปไหว้พระพุทธชินราชท่านอีกสักรอบก่อนกลับแบบไปลามาไหว้ พอประมาณ 8:00 ก็ค่อยเดินกลับมาที่วัดนางพญาเพื่อรอเข้าโบสถ์อีกรอบ
เท่าที่จำได้คือ วัดนางพญาเนี่ยดังมาจากพระเครื่อง(พระนางพญาที่เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคี) ตัวบริเวณวัดไม่ใหญ่มาก แต่มีคนแวะเวียนเข้ามาที่นี่ตลอด พระประธานข้างในโบสถ์คือพระนางพญาเรือนแก้ว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีซุ้มเรือนแก้วอยู่ด้านหลังองค์พระคล้ายกับ พระพุทธชินราช ภายในโบสถ์ถือว่าสร้างได้สวยงาม เป็นศิลปะคล้ายแบบเดียวกับที่วิหารพระพุทธชินราช
พระราชวังจันทร์
อยู่ที่นี้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็กลับไปเอารถที่วัดใหญ่ ช่วงเช้าวันนั้นเป็นวันเที่ยวของเทศกาลตรุษจีนพอดี ทำให้คนค่อนข้างเยอะ กว่าจะเอารถออกมาได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน หลังจากออกจากวัดใหญ่แล้วก็ขับรถไปที่พระราชวังจันทร์ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวร ข้างๆกันจะมีศาลสมเด็จพระนเรศวรอยู่ เราสามารถเอารถเข้าไปจอดได้ที่ด้านหลังของพระราชวังจันทร์แล้วก็เดินไปที่ศาลของสมเด็จพระนเรศวรได้
บริเวณด้านหน้าของศาล จะมีดอกไม้ธูปเทียนและของเซ่นไหว้เล็กน้อยจำหน่าย ช่วงวันที่ไปนั้นเป็นช่วงสายๆ คนไม่เยอะมาก สามารถเข้าไปกราบไหว้ท่านแล้วลงมาถ่ายรูปบริเวณรอบๆ พระราชวังจันทร์ได้ ตอนแรกกะจะเข้าไปข้างใน แต่มีกรุ๊ปมาลงในเวลาเดียวกันก็เลยคิดว่าน่าจะลำบากในการเก็บภาพหาข้อมูลจึงเดินอยู่รอบๆแทน อีกฝั่งของพระราชวังจันทน์จะมีโบราณสถานวัดทอง ซึ่งมีพระอัฏฐารสเป็นพระประธานตั้งสง่าอยู่กลางแจ้ง
นาข้าวคาเฟ่
พอช่วงสายๆ ประมาณเกือบ 10 โมงก็ออกไปหากาแฟก่อนกลับไปเก็บของที่โรงแรม ที่แพลนไว้ว่าจะไปคือร้าน นาข้าวคาเฟ่ ซึ่งเป็นร้านกาแฟสไตล์วิวทุ่งนา ตัวร้านจะอยู่เส้นเลี่ยงเมืองพิษณุโลก ขับรถจากพระราชวังจันทน์ไปก็ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
ร้านนาข้าวคาเฟ่เป็น อาคาร 2 ชั้นแบบห้องแอร์ แล้วก็มีโซนที่นั่งด้านนอก เป็นซุ้มนั่งในนั่งใต้เพิงชมบรรยากาศทุ่งนาแบบสบายๆ ตอนที่ไปนั้นพอดีกับช่วงที่เขากำลังเกี่ยวข้าวอยู่ ก็เลยได้เก็บภาพ ระหว่างการเก็บเกี่ยวข้าวมาด้วย ทางร้านมีจำหน่ายอาหารจานเดียว เครื่องดื่มร้อนเย็น และขนมหวานหลายอย่าง
วันที่ไปสั่งอเมริกาโน่เย็นกับสลัดผักมาทาน ซึ่งก็จานใหญ่ดี ราคาไม่แพงมาก รสชาติกาแฟก็ค่อนข้างโอเคเดินทางง่ายติดถนน มีที่จอดรถประมาณ 10-15 คัน ถือว่าเป็นอีกร้านที่นั่งได้สบายมีมุมถ่ายรูปด้านนอกเยอะเลยล่ะครับ
พอใกล้เที่ยงก็กลับมาที่โรงแรมเพื่อเก็บของและเช็คเอาท์ ตอนแรกตั้งใจจะไปซื้อของฝากที่อาคารขายของฝากบริเวณวัดใหญ่แต่จากรถที่แน่นขนัดจากที่เห็นช่วงเช้าแล้ว ก็คิดว่าไม่น่าจะเข้าไปจอดในวัดได้อีกเลยเพราะคนเยอะมาก(แค่รถติดถนนเส้นหน้าวัดก็ครึ่งชั่วโมงแล้ว) ก็เลยตัดสินใจไปซื้อร้านของฝากที่อื่นแทน ซึ่งร้านของฝากที่ไปซื้อในอยู่ตรงบริเวณวงเวียนนาฬิกา แถวนั้นจะมีร้านคาเฟ่เล็กๆน่าสนใจอยู่สองสามร้าน
Rustic-Boho
พอซื้อของฝากเสร็จก็เลยไปนั่งร้านกาแฟอีกร้านนึง ชื่อว่าร้าน Rustic-Boho เป็นร้านกาแฟแบบชิคๆ ติดถนนแต่ไม่มีชื่อป้ายหน้าร้านบอก ตอนแรกกำลังงงว่าใช่ร้านนี้ไหม สังเกตุเข้าไปเห็นเครื่องชงกาแฟกับวัยรุ่นกลุ่มนึงนั่งทานอยู่เลยคิดว่าน่าจะใช่
ในร้านมีแมว 2-3 ตัวมารับแขก และเราสามารถเล่นด้วยหรือซื้อขนมแมวให้ได้ กาแฟของที่นี่รสชาติค่อนข้างดี สามารถเลือกระดับการคั่วได้ด้วย วันที่ไปมีขนมให้สั่งอยู่ 2-3 อย่าง ภายในร้านตกแต่งแบบโปร่งมี 2 ชั้น ชั้นล่างมีโต๊ะอยู่ประมาณ 4-5 ตัว ชั้นบนก็น่าจะนั่งได้ประมาณ 2-3 โต๊ะ การมาที่นี่คือเราสามารถจอดรถได้บริเวณแถวๆ หน้าร้านหรือริมฟุตบาทใกล้กันก็ได้
ปากหม้อเรนโบว์
ช่วงบ่ายผมแวะไปทานข้าวอีกร้านนึง เป็นร้านค่อนข้างมีชื่อเสียงในจังหวัดพิษณุโลก นั่นคือร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเรนโบว์ บริเวณร้านมีที่จอดรถสะดวกสบาย ช่วงที่ไปบ่ายสองนั้นคนไม่เยอะมากแล้ว เดินเข้าไปในร้านก็จะแบ่งเป็น 2 โซนก็คือโซนที่เป็นถาดเวียนอยู่บนน้ำ(ปากหม้อสายน้ำ) กับโซนที่เป็นดั่งเดิม(ปากหม้อเรนโบว์) สั่งทานได้เลย
ผมเลือกไปนั่งโซนแบบสายน้ำ คือเป็นถาดเวียนคล้ายกับพวกชาบูชิ แต่ด้านล่างจะเป็นน้ำ ปากหม้อจะมาเป็นจานอยู่บนถาดก็น่าสนใจดี รสชาติของน้ำซุปก็โอเค รสชาติไม่จัดมาก และไม่ได้จืดจนเกินไป ราคาจะคิดตามจานที่เราหยิบใส่น้ำซุป โดยรวมแล้วก็ไม่แพงมากครับ ปากหม้อแป้งบางทานง่ายดี
วัดราชบูรณะ
ช่วงบ่ายแก่ๆก่อนที่จะไปสนามบินนั้นผมแวะไปวัดราชบูรณะก่อน ซึ่งวัดราชบูรณะอยู่ใกล้กับวัดใหญ่แต่อยู่คนละฝั่งถนนกัน พอเข้าไปในวัดแล้วก็เจอเจอกับกงจักรที่ใหญ่มากอยู่หน้าวัด กงจักรมี 8 ซี่ หมายถึงมรรค 8 นั่นเอง
ภายในวัดค่อนข้างร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเป็นส่วนๆ ที่นี่คนไม่เยอะมากเหมือนวัดใหญ่ สามารถเดินดูบริเวณอื่นของวัดได้อย่างสบาย ซึ่งตอนที่ไปนั้นทางวัดกำลังสร้างสมเด็จนางพญาองค์ใหญ่อยู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกจุดหนึ่งในอนาคต
พระประธานภายในโบสถ์คือหลวงพ่อทองคำ ซึ่งก็มีความสวยงามเป็นศิลปะสมัยสุโขทัย มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปรามเกียรติ์น่าสนใจดี ผมใช้เวลาอยู่ในวันนี้ประมาณชั่วโมงนึง อาจจะเป็นเพราะว่าอากาศข้างนอกค่อนข้างร้อนก็เลยขึ้นไปนั่งๆนอนๆอยู่บนศาลา กะพักผ่อนหลบแดดแปปนึงก่อนเดินทางไปสนามบิน
จริงๆแล้ววัดทั้ง 3 วัดคือวัดราชบูรณะ วัดนางพญา และก็วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นวัดที่อยู่ คู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลกมาอย่างยาวนาน แล้วทั้ง 3 วัดก็มีความสวยงามโดดเด่น ในแบบของแต่ละสถานที่เอง เดินทางง่าย อยู่ใกล้กัน แนะนำสำหรับคนสายบุญเลยครับ
ที่คิดตอนแรกอยากจะไปดูที่เที่ยวอื่นในจังหวัดพิษณุโลกอีก แต่คิดว่าน่าจะไม่ทันเพราะลืมคิดไปว่าวันนั้นเป็นวันเที่ยวของเทศกาลตรุษจีน แต่โดยรวมแล้วก็เป็นเมืองที่น่าค้นหาในแบบของตัวเอง แล้วก็เป็นเมืองที่ค่อนข้างทันสมัยมีอะไรๆให้แวะเที่ยวในเมืองได้พอสมควร
จบทริปการเดินทาง 4 วัน 3 คืน 3 จังหวัดเป็นที่เรียบร้อย ก็ขับรถค่อนข้างไกลและเพลียแดดที่แวะเที่ยวในแต่ละที่ด้วย แต่โดยรวมแล้วได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกเยอะเกี่ยวกับที่เที่ยวในแต่ละจังหวัดที่ไป การเดินทางแบบขับรถเที่ยวตามทริปก็สนุกดีครับ ไปคนเดียวไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เที่ยวเมืองไทยแต่ละจังหวัดก็น่าสนใจดีในแบบของตัวเอง
ถ้าชอบอย่าลืมกดถูกใจเพจ Tripniceday ด้วยนะครับ ทางเพจนั้นจะมีกิจกรรมและแนะนำที่เที่ยวให้อยู่บ่อยๆด้วยล่ะ