ก่อนไปทริปนีเราเคยสงสัยว่า “อุทัยทิพย์” เกี่ยวอะไรกับอุทัยธานีหรือเปล่า ระหว่างทริปก็หาข้อมูลไปเรื่อยจนสรุปในเบื้องต้นได้ว่า “ไม่รู้” อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้ เพราะข้อมูลทางประวัติศาสตร์ย้อนมาไม่ถึง แต่ไม่เป็นไรในเมื่อสรุปไม่ได้ งั้นเราก็ทำ “อุทัยทริป” ของเราเองแล้วกัน 😀
เดินทางวันแรกกะว่าจะไปชม “น้ำตกผาร่มเย็น” ก่อนแล้วค่อยไปพักแถวหุบป่าตาด น้ำตกผาร่มเย็นอยู่ริมถนนสาย 4004 ก่อนถึงน้ำตกทางอาจจะชันเล็กน้อยและค่อนข้างเปลี่ยว รถผ่านไปผ่านมาน้อย(มาก) ทางเข้าน้ำตกอยู่ริมถนนมีทางเดินลงไปด้านล่าง
มองทางลงน้ำตกแล้ว “ไม่กล้าเดิน” เพราะดูเหมือนไม่ได้รับการดูแล ใบไม้เต็มไปหมด ตรงนั้นก็ไม่มีใคร ถ้าเกิดอะไรขึ้นมานี่ขอความช่วยเหลือยากแน่ ดังนั้นไม่ลงไปดีกว่า แต่ใกล้ๆกับทางเข้ามีห้องน้ำและลานนั่งพักอยู่ซึ่งมองเห็นน้ำตกได้จากตรงนี้
🎯 มาถึงหุบป่าตาดช่วงบ่ายกว่า เลยเปลี่ยนแผนว่าค่อยไปหุบป่าตาดพรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้พักผ่อนก่อนซึ่งเราพักที่ "At the Mountain" ที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าหุบป่าตาดนัก
ห้องพักของเราคืนนี้คือห้องกล่องสีขาวๆข้างหน้าสุด ขนาดของห้องไม่ใหญ่โตอะไรนักตกแต่งแบบมินิมอล เรียบง่าย แอร์เย็นฉ่ำเหมาะกับเวลาไปเที่ยวร้อนๆกลับมาที่ห้อง สบายมาก
🎯 "หุบป่าตาด" 🎯
เวลา: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 30 บาท/คน และเด็ก 20 บาท/คน
"หุบป่าตาด" เป็นป่าที่มีลักษณะคล้ายป่าดึกดำบรรพ์ ตามคำบอกเล่าจากป้ายที่อยู่ในพื้นที่บอกว่าเมื่อก่อนหุบป่าตาดเป็นถ้ำมาก่อนจนกระทั่งผนังถ้ำรับน้ำหนักไม่ไหวเลยพังลงมา มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวพื้นที่ตรงนี้เลยเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างปิดมีความชุ่มชื้นตลอดทั้งปี
จ่ายเงินเรียบร้อยรับไฟฉายมาคนละ 1 กระบอก และถ้าใครแพ้ยุงแนะนำว่าซื้อซอฟเฟลมาฉีดป้องกันไว้ก่อนจะดีมาก ทางเข้าต้องเดินผ่านถ้ำ ถ้ำไม่ลึกแต่มืดมาก และทางเดินออกจะลื่นนิดหน่อย แต่พอเดินออกจากถ้ำมาสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไปในทันที
เส้นทางศึกษาธรรมชาติมีลักษณะเดินเป็นวงกลม บรรยากาศวันที่เราไป คือเย็นแต่ชื้นมาก ภายในหุบ อีกจุดเด่นของบริเวณนี้คือ “หินย้อยตามแสง” หินย้อยด้านที่เป็นส่วนปลายจะเอียงเข้าหาด้านที่มีแสงสว่าง ทำให้ด้านที่มีแสงสว่างโตได้เร็วกว่าด้านที่อยู่ในที่อับแสง
🎯 "ต้นไม้ยักษ์" 🎯
"ต้นไม้ยักษ์" หรือ ต้นเชียง ที่ อ.บ้านไร่กัน อยู่ในพื้นที่ป่าหมากของพ่อตานายเฮียง ขนาดใหญ่ 40 คนโอบ อายุกว่า 300 ปี ความสูงกว่า 53 เมตร เนื่องจากพื้นที่นี้ ต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกโค่นล้มไปหมด และต้นนี้เป็นต้นเดียวที่ยังเหลือในชุมชน จึงอนุรักษ์ไว้และจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบัน
🎯 “ตลาดซาวไฮ่”🎯
เวลา: เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 09.00-16.00 น.
ไม่ไกลจากต้นไม้ยักษ์เท่าไรนัก ถ้าไปตรงวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีตลาดจำหน่ายสินค้าเกษตรและอื่นๆชื่อ “ตลาดซาวไฮ่” เป็นตลาดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ของขายคึกคักมาก ช่วงต้นๆของตลาดเป็นสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป ลึกเข้าไปด้านในมีร้านกาแฟ เวทีการแสดง ร้านเสื้อผ้า หัตถกรรมต่างๆ
🎯 “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง” 🎯
เวลา: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-16.30 น.
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท และ เด็ก 10 บาท
วนออกนอกเมืองไปอีกนิด เรายังไม่เข้าเมืองง่ายๆแน่ เราส่องสัตว์กันที่ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง” เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศไทย ตั้งอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี และมีพื้นที่ติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในพื้นที่จังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรี
กิจกรรมที่ 1 : เดินศึกษาธรรมชาติบ้านของเสือ ระยะทาง 800 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่พาเดินและอธิบายตลอดเส้นทาง
กิจกรรมที่ 2 : อนุสรณ์สถานและบ้านของ สืบ นาคะเสถียร
🎯 “วัดอุโปสถาราม” 🎯
เรามาเที่ยววัดกันบ้าง เริ่มกันที่แรก "วัดอุโปสถาราม หรือ วัดโบสถ์มโนรมย์" วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองอุทัยธานีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2324 จุดเด่นที่สุดของวัดที่เห็นจะเป็นมณฑบแปดเหลี่ยม สถาปัตยกรรมผสมแบบตะวันตก
🎯 “วัดสังกัสรัตนคีรี” 🎯
"วัดสังกัสรัตนคีรี" อยู่บริเวณเชิงเขาสะแกกรัง หากมาวัดที่อยู่เชิงเขาจะขึ้นมณฑปบนเขาเลือกได้ 2 วิธี วิธีแรกคือเดินขึ้นบันได้จำนวน 449 ขั้นแต่ถ้าเห็นบันไดแล้วเกิดอาการ “ท้อ” หรือข้อเข่าโวยวายสามารถขับรถอ้อมไปหลังเขาสะแกกรังแล้วขึ้นไปจอดรถด้านบน
จุดเด่นอีกอย่างของวัดสังกัสรัตนคีรีก็คือ “วิว” สามารถมองเห็นเมืองอุทัยได้เกือบทั้งหมด ส่วนฝั่งตะวันตกเป็นวิวทุ่งนาและภูเขาไกลๆ ถ้ามาตอนเช้าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นแยงตาเล่นกับหมอกบางๆที่ปกคลุมตัวเมืองสวยมาก
🎯 “วัดท่าซุง” 🎯
วัดที่มีชื่อเสียงที่สุดวัดหนึ่งของจังหวัดอุทัยธานีคงไม่พ้น “วัดท่าซุง” หรือวัดจันทาราม วัดขนาดใหญ่ริมแม่น้ำสะแกกรัง จากวัดที่มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่จนปัจจุบันเนื้อที่ร่วม 300 ไร่
วิหารแก้ว ถือเป็นจุดไฮไลท์สำคัญ เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม บริเวณด้านในประดับด้วยโมเสก คล้ายแก้วที่มีความระยิบระยับ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลองและโลงแก้วของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
🎯 “ถนนคนเดินตรอกโรงยา” 🎯
เวลา: เปิดวันเสาร์ ตั้งแต่ 16.00-18.00 น.
แดดร่มลมตก ถ้ามาอุทัยธานีจะต้องห้ามพลาด คือ “ถนนคนเดินตรอกโรงยา” ที่จะมีเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น ถนนคนเดินตรอกโรงยาอยู่ที่ตรอกโรงยา เป็นถนนคนเดินที่เน้นขายของทั้งของกินของใช้ของทำมือมีให้เลือกหลายอย่าง
ภายในถนนคนเดิน หรือ ในตลาด มีโรงฝิ่นจำลองไว้ให้เข้าไปศึกษา มีน้องนักเรียนสองคนคอยเล่าประวัติและเรื่องราวต่างๆของโรงฝิ่นสมัยก่อน น้องๆจำข้อมูลมาได้ค่อนข้างดีเลยและเล่าด้วยท่าทางฉะฉานมั่นใจ มาเดินตรอกโรงยาก็อย่าลืมแวะมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของที่นี่กันนะ
🎯 “ตลาดเช้าและตลาดเย็น” 🎯
ตลาดเช้าและตลาดเย็น ประสบการณ์ที่ได้คือความน่ารักและเป็นกันเอง ขนาดของตลาดไม่ใหญ่อยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง คนซื้อคนขายก็เหมือนจะคุ้นหน้ากันรู้จักกัน มีความเป็นกันเองก็ส่งมาถึงนักท่องเที่ยวต่างถิ่นอย่างเรา เช่น น้ำใจของคุณพี่ที่เสียสละจุ้ยก้วยให้เราได้ซื้อชุดสุดท้าย หรือ แม่ค้าที่อธิบายคำถามของเราอย่างเป็นกันเอง อยู่ตัวเมืองอุทัย 4 วันเดินตลาดมันทุกวัน น่ารักมาก😀
🌺 จบทริปอุทัยธานีแต่เพียงเท่านี้ เมืองเล็กๆที่น่ารัก ผู้คนเท่าที่เจอตลอดทริปใจดี มีน้ำใจ เป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยได้พบเห็นในเมืองกรุง สถานที่ท่องเที่ยวอาจจะไม่เยอะแยะเหมือนกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่น แต่ถ้าอยากเที่ยวแบบสบายๆ สัมผัสความเรียบง่าย ทิ้งความเครียดให้ลอยไปในแม่น้ำสะแกกรัง...ก็แวะมาพักผ่อนที่อุทัยธานีได้😀