ช่วงวันหยุดยาวสิ้นปีนี่ถือเป็นช่วงที่กรุงเทพรถน้อย เดินทางไปไหนก็สะดวก วันอาทิตย์ก่อนสิ้นปีที่ผ่านมานี้เลยถือโอกาสแพลนทริปไหว้พระ 9 วัดในกรุงสักหน่อย บางวัดก็ได้ยินชื่อมานานแล้ว จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เกิดฝรั่งมาถามว่าวัดดังๆ ในกรุงเทพเป็นยังไงบ้าง เกิดตอบไม่ได้จะเสียเชิงเอา ว่าแล้วก็จัดทริปบนเว็บไซต์ทริปไนซ์เดย์นี่แหละ เริ่มจากวัดที่คนไทยนิยมก่อนอย่างวัดระฆัง แล้วก็เที่ยววนรอบๆของฝั่งวัดระฆังก่อน จากนั้นค่อยขึ้นเรือข้ามไปเที่ยวฝั่งวัดพระแก้ว
กะจะเที่ยววัดในกรุงเทพทั้ง 9 วัดเลยตอนแรก แต่ตอนหลังรู้สึกเพลียเพราะเดินไปแต่ละวัดมาทั้งวัน เลยเปลี่ยนขับรถกลับไปเที่ยววัดแถวนนทบุรีต่ออีกสักหน่อย ผมแนบทริปและการเดินทางให้ท้ายบทความนี้เหมือนเดิมครับ ลองตามไปดูกันได้ถ้าใครบ้านอยู่แถวนนท์แบบผม
จะไหว้พระในเมือง จอดรถที่ไหน?
ตอนแรกแพลนจะไปวัดระฆังที่แรก เพราะมีอาคารจอดรถ แต่ขับไปถึงจริงที่จอดเต็ม ทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้วนขึ้นอาคาร เลยตัดสินใจว่าถ้าขับหาที่จอดวัดดวงไปเรื่อยๆจะเสียเวลาเปล่า เลยเอารถไปจอดพาต้าปิ่นเกล้า แล้วนั่งแท็กซี่ไปวัดที่ไกลที่สุดของฝั่งนี้ก่อนคือวัด กัลยาณ์ ส่วนใครที่ยืนยันจะขับรถไปจอดบริเวณวัดอยู่ก็สามารถขับมาหาที่จอดริมถนนวัดอรุณ หรือที่จอดของวัดกัลยาณ์ได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีที่จอดอีกไหมนั่นแหละ
วัดกัลยาณ์ (วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร)
วัดกัลยาณ์เป็นวัดไทยกึ่งจีนที่เป็นที่นิยมสำหรับคนไทยเชื้อสายจีนอย่างมาก ภายในโบสถ์มีพระหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ หรือซำปอกงที่คนไทยเชื้อสายจีนรู้จักกันเป็นอย่างดี คนที่มามักจะแวะเข้ามาขอพรด้านการค้าขาย ตามความเชื่อที่ว่า ซำปอกง หรือ เจิ้ง เหอ เป็นนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินจีน และการเดินทางด้วยเรือของจีนมักมาพร้อมกับการค้าขายนั่นเอง
ภายในวัดกว้างขวาง สามารถเดินรับลมจากท่าน้ำของวัดได้สบาย ด้านหน้าโบสถ์มีที่จุดธูปไหว้พระ ส่วนใหญ่แล้ววัดนี้จะเป็นวัดที่คนไทยไปเยอะกว่าต่างชาติ ส่วนคนที่จะไปเที่ยววัดอื่นต่อ สามารถซื้อตั๋วขึ้นเรือทัวร์ 3 วัด(วัดระฆัง วัดอรุณ วัดกัลยาณ์) ได้ที่ท่าน้ำหน้าวัดได้เลย
ไหว้พระวัดนี้เสร็จแล้ว เรือจะพาเราย้อนขึ้นไปต่อที่วัดระฆังครับ
วัดระฆัง (วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร)
วัดระฆังเป็นวัดที่คนไทยหลายคนรู้จักกันในชื่อวัดหลวงพ่อโต เนื่องจากพระสมเด็จโต (โต พฺรหฺมรํสี) ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นลูกศิษย์ และคนที่เคารพศรัทธาเดินทางเข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมาก พอขึ้นจากท่าเรือมาแล้วเราจะเห็นรูปหล่อท่านอยู่ที่ลานหน้าวัด
จากนั้นเราจะเดินเข้าไปในตัววัดผ่านประตูพรหมรังสี เมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นคนเนืองแน่นอยู่เต็มบริเวณที่จุดธูปแปะทองเลย ภายในบริเวณวัดอาจจะไม่ใหญ่มากเท่าวัดกัลยาณ์ แต่ก็สามารถเดินได้สบายๆ ในวันที่คนเยอะอย่างวันที่ไป วัดนี้เป็นวัดที่คนไทยเยอะมาก แทบไม่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่าไหร่ เราจุดธูปไหว้พระหน้าโบสถ์เรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปไหว้พระในโบสถ์เพื่อเป็นศิริมงคลกันสักหน่อย
ทางวัดมีให้บริการน้ำดื่มฟรีครับ เหนื่อยๆ ก็แวะมากดน้ำดื่มเองได้เลย
วัดอรุณ (วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร)
หรือวัดแจ้งที่คนไทยเรารู้จักกันดี วัดอรุณถือเป็นไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะชาติไหนใครมาเมืองไทยแล้วมากรุงเทพต้องแวะมาวัดอรุณกันแทบทั้งนั้น ด้วยความสวยงามตระการตาของพระปรางค์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เด่นชัดมาแต่ไกล
เราสามารถนั่งเรือจากวัดระฆังด้วยตั๋วใบเดิมที่ซื้อมาจากวัดกัลยาณ์ ขึ้นเรือเดิมต่อมาที่วัดอรุณได้เลย เมื่อขึ้นท่ามาแล้วจะมีการเก็บตั๋วก่อนเข้าวัด ทันทีที่เข้ามาจะเห็นได้ชัดว่าวัดนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก และแทบจะไม่ค่อยเห็นคนไทยเท่าไหร่ ต่างกันกับวัดระฆังเลยทีเดียว
พระปรางค์วัดอรุณก็ยังคงสวยงามอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และบรรไดขึ้นไปตรงพระปรางค์ก็ยังมีความชันมากไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนกัน 🤣 สำหรับผู้ใหญ่คนสูงวัยอาจจะเดินขึ้นไปลำบากหน่อย เพราะก้าวแต่ละขั้นสูงมาก เกือบ 20 ซม. เลยเห็นจะได้ ตามประวัติแล้วที่วัดนี้ได้ชื่อว่าวัดอรุณเป็นเพราะสมเด็จพระเจ้าตากสิน ท่านรบชนะกลับมาแล้วเจอวัดนี้ตอนเช้าพอดี เลยให้ชื่อว่าวัดแจ้ง หรือวัดอรุณนั่นเอง
ไหว้พระอยู่ 3 วัด ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เดี๋ยวเรานั่งเรือข้ามฝากไปฝั่งท่าเตียนแล้วเดินหาร้านนั่งดื่มกาแฟสักแปปนึงก่อนไปวัดอื่นต่อ
Vivi The Coffee Place
ร้านกาแฟ Vivi The Coffee Place อยู่เลยวัดโพธิ์มาหน่อย หลังจากที่ขึ้นท่าเตียนแล้วก็เดินลัดเลาะตรงตึกเก่าผ่านซอยวัดโพธิ์มาเล็กน้อย เดินเข้าซอยประมาณร้อยเมตรก็จะเจอร้านกาแฟอยู่ริมน้ำร้านนี้ ตามรีวิวแล้วมีคนบอกว่าสามารถจิบกาแฟชมวิวพระปรางค์ของวัดอรุณริมน้ำได้เลย แต่พอไปถึงคนแน่นมาก ตรงข้างนอกนั่งได้ประมาณ 3 โต๊ะ ข้างในห้องแอร์นั่งได้ 3-4 โต๊ะ เลยไม่เห็นวิวตามที่อ่านรีวิวมา ร้านนี้คนเยอะทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยว วันที่ไปอากาศค่อนข้างร้อนด้วย เลยนั่งพักโซนข้างนอกไม่นาน สั่งกาแฟกับเค้กนิดหน่อย ราคาแก้วละประมาณ 80 บาท รสชาติก็โอเคในระดับหนึ่ง
วัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม)
เดินออกมาจากร้านกาแฟย้อนขึ้นไปทางวัดโพธิ์นี่ไม่ไกลกันมาก ประมาณสามร้อยเมตรน่าจะได้ครับ ซอยข้างวัดโพธิ์เป็นที่จอดรถเสียเงิน จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ที่จอดก็มีจำกัด น่าจะหายากพอๆกับวัดระฆัง ที่วัดโพธิ์นี้คนไทยสามารถเข้าชมได้ฟรี ส่วนต่างชาติจะต้องซื้อบัตรเข้าชมก่อน
วัดโพธิ์เป็นวัดใหญ่ที่กว้างขวาง และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ภายในเราจะเห็นพระเจดีย์อยู่มากมายในบริเวณวัด และแน่นอนว่าวัดนี้เป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศ มีด้วยกัน 99 องค์ ที่ใหญ่ที่สุดเป็นพระเจดีย์ 4 รัชกาล (รัชกาลที่ 1 ถึง 4) มีวิหารพระนาคปรกสำหรับคนที่เกิดวันเสาร์ และมีวิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งเป็นพระนอนองค์ใหญ่อยู่ภายในวัด นักท่องเที่ยวเยอะมาก วิหารก็มีความสวยงามอลังการ ถ้าตามขนาดแล้ว พระนอนที่นี่น่าจะใหญ่ใกล้เคียงกับพระนอนกลางแจ้งที่วัดขุนอินฯ ที่เคยเขียนบทความเกี่ยวกับอ่างทองไปเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาเลย
ไหว้พระเสร็จ เดินออกจากวัดโพธิ์มาอีกประตูนึงตรงฝั่งถนนหน้าวัง ตามทริปแล้วจะไปแวะวัดราชประดิษฐ์ก่อนเดินขึ้นมาวัดพระแก้ว ตอนนั้นเป็นช่วงบ่ายสองครึ่งเกือบสามโมง อากาศร้อนพอสมควรเลยคิดนั่งตุ๊กตุ๊กไปดีกว่า แต่วินตุ๊กตุ๊กแกบอกว่า "พี่วัดอยู่ไม่ไกลเลย เดินไปนิดเดียวก็ถึง"
โอเค เดินก็ได้ 🥵
เดินจากวัดโพธิ์ผ่านสวนสราญรมณ์ ซึ่งเป็นสวนที่อยู่หน้าวัดพระแก้ว ข้างในสวนมีกล้วยไม้นานาพันธุ์ บรรยากาศร่มรื่นหลบแดดได้ดีระดับนึง พอออกประตูมาแล้วก็จะเจอวัดราชบพิธที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคลอง
วัดราชบพิธ (วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม)
วัดราชบพิธฯเป็นหนึ่งในวัดที่เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่นเดียวกับวัดบวรฯ เราสามารถเดินจากสวนสราญรมณ์ผ่านหน้าอนุสาวรีย์หมูข้ามสะพานมายังฝั่งวัดราชบพิธฯ ได้เลย เมื่อเข้ามาแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบ ร่มรื่น กว้างขวาง และมีอาคารสวยงามตามแบบประเพณีไทย ภายในบริเวณจะมีรูปหล่อรัชกาลที่ 5 อยู่ สามารถนำผลไม้ และดอกไม้มาถวายสักการะได้
ส่วนตัวแล้วจากที่ดูมาทั้งหมด วัดราชบพิธเป็นวัดที่สวยงามมาก น่าจะสวยที่สุดในวัดที่ไปมาในทริปนี้ เสียดายวันที่ไปไม่ได้เข้าไปไหว้พระในโบสถ์เพราะเจอท่านนายกมาพบพระสังฆราชช่วงเวลาเดียวกันพอดี ถ้าจะรอก็กลัวว่าจะไหว้พระได้ไม่ครบ 9 วัด เลยไหว้พระนาคปรกดูประติมากรรมอยู่ด้านนอกแทน
วัดราชประดิษฐ์ (วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม)
หลังจากออกมาจากวัดราชบพิธแล้วก็ข้ามสะพานตรงสาวรีย์หมูย้อนกลับมาเข้าประตูที่วัดราชประดิษฐ์ได้เลยเพราะตัววัดอยู่ตรงข้ามกับวัดราชบพิธพอดี วัดนี้จะเป็นวัดที่ดูเงียบๆ มีคนมาน้อย จุดเด่นของวัดที่อยากจะเข้ามาดูมาก คือการสร้างพระเจดีย์ และโบสถ์ที่ทำขึ้นจากหินอ่อน รอบๆโบสถ์และภายในจึงให้ความรู้สึกเย็นสบาย
ถึงแม้วัดนี้จะเป็นวัดที่มีพื้นที่ไม่เยอะมาก แต่ภายในประกอบด้วยปูชนียวัตถุที่สำคัญสวยงามมากมาย ภายในโบสถ์มีพระพุทธสิหิงค์เป็นพระประธาน พร้อมด้วยภาพเขียนภายในที่สวยงามน่าสนใจ วัดนี้เป็นวัดที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
และเนื่องจากเดินมาทั้งวัน เลยคิดว่าจะเปลี่ยนแผนจากไปวัดพระแก้วต่อเป็นไปวัดแถวนนทบุรีดีกว่า จริงๆก็ค่อนข้างเหนื่อยด้วยเพราะเดินมาตลอดตั้งแต่วัดแรก แล้วตอนนั้นก็ค่อนข้างเย็น เลยนั่งแท็กซี่กลับไปเอารถที่พาต้า แล้วก็คิดว่าจะไปวัดแถวนนท์ จากวัดที่ไกลก่อนแล้วไล่กลับมายังวัดที่ใกล้บ้านจะได้ถือเป็นทางผ่านกลับบ้านพอดี
วัดตะเคียน
ใช้เส้นทางถนนราชพฤกษ์ขับมาเรื่อยๆ ไปเลี้ยวตัดเข้าตรงถนนพระราม 5 โดยวัดที่จะไปต่อกันคือวัดตะเคียน ซึ่งเป็นวัดที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควร และส่วนตัวก็ยังไม่เคยมาวัดนี้ด้วยเหมือนกัน เราสามารถจอดรถได้ที่ลานที่จอดหน้าวัดได้เลย เมื่อเดินเข้ามาในวัดจะเจอพื้นที่ขายของที่เป็นโซนของตลาดน้ำอยู่ติดกับภายในบริเวณวัด ถามแม่ค้า แม่ค้าบอกว่าโบสถ์ไม่เปิดให้ขึ้นไปข้างบน เลยไหว้พระอยู่รอบๆ ด้านล่างแทน
ซึ่งก็มีทั้งพระเจ้าทันใจ ศาลเจ้าแม่ตะเคียน พระพิฆเนศ วิหารหลวงพ่อธรรมจักร และอื่นๆอีกมาก เรียกได้ว่ามาวัดเดียวทำบุญได้หลายอย่าง มีความหลากหลายพอๆ กับวัดท่าการ้องที่จังหวัดอยุธยาเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวตลาดน้ำวัดตะเคียนนั้นเราจะเห็นแม่ค้าพายเรือมาเทียบท่า แล้วนำของขึ้นมาขายที่ตลาดแห่งนี้ ก็มีทั้งอาหารแห้ง ผักสด ขนมจุกจิก และมีร้านขายข้าวมากมายใกล้กัน วัดนี้น่าจะเหมาะกับคนเสี่ยงโชค มีแม่ค้ามาขายหวยเต็มไปหมดเลย
วัดโบสถ์บน
ก่อนเข้าวัดตะเคียนเห็นป้ายวัดโบสถ์บนอยู่ทางเข้าซอยเดียวกัน เลยตัดสินใจว่าจะแวะไหว้พระที่วัดตะเคียนก่อน แล้วค่อยขับเข้าไปวัดโบสถ์อีกที เราสามารถขับมาตามถนนจนสุดทางก็จะพบกับวัดโบสถ์ ซึ่งมีตลาดน้ำเหมือนกันกับวัดตะเคียน แต่วัดนี้จะมีพื้นที่กว้างขวางกว่า และก็ดูจัดสรรพื้นที่แยกระหว่างตลาด กับตัววัดได้อย่างชัดเจนกว่ามาก
วัดโบสถ์บนมีโบสถ์อยู่ริมน้ำ สามารถขึ้นไปไหว้พระรับลมเย็นๆได้สบาย ภายในโบสถ์มีภาพเขียนสวยงาม ถัดไปไม่ไกลมีวิหารอีกแห่งที่มีรูปหล่อหลวงพ่อสดทองคำอยู่ ภายในบริเวณเงียบมาก สามารถนำที่รองนั่งมานั่งหามุมสงบทำสมาธิได้เป็นอย่างดี
ที่ฝั่งตลาดน้ำก็มีของขายใกล้เคียงกับวัดตะเคียน ผู้ใหญ่มาได้เด็กมาดี มีแพให้อาหารปลาติดอยู่กับบ้านของชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำ ตลาดจะวายตอนประมาณ 4 โมงครึ่ง และน่าจะมีเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์
วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
วัดเฉลิมฯ ที่นนทบุรีนี่มาบ่อยมาก ส่วนตัวชื่นชอบวัดนี้เพราะอยู่ไม่ไกลบ้าน เป็นวัดที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ภายในวัดมีความร่มรื่น ได้ยินเสียงนกแปลกๆ ร้องตลอดเวลาในช่วงกลางวัน ภายในวัดมีทั้งหมาทั้งแมว และนกยูงเดินเล่นกันแบบไม่กลัวคน
วัดอยู่ใกล้กับสวนเฉลิมพระเกียรติสามารถมาเดินเล่นออกกำลังกายยามเย็นในสวนก็ได้ หรือจะเดินตรงทางลัดเลาะริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็วิวดีอากาศดีไม่แพ้กันเลย บริเวณท่าน้ำของวัดเราสามารถซื้ออาหารปลาทั้งขนมปังและอาหารเม็ดจากแม่ค้ามาให้อาหารปลาได้ แต่นกพิราบจะเยอะหน่อย
ภายในวัดเงียบสงบนอกจากได้ยินเสียงนกร้องแล้วก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย บริเวณวัดมีทางเดินกว้างขวาง จัดพื้นที่ได้ดี สะอาดเป็นระเบียบ ภายในโบสถ์จะเป็นห้องปิดมีแอร์ ด้านในมีพระประธานองค์ใหญ่ สามารถมานั่งอ่านหนังสือ สวดมนต์ และทำสมาธิได้ ที่น่าสนใจของวัดนี้อีกอย่างคือกำแพงของวัดที่สร้างขึ้นออกมาคล้ายป้อมสมัยก่อน มีความแปลกตากว่าวัดทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
จบทริปไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพ - นนทบุรีแล้วเป็นที่เรียบร้อย ตอนไปเริ่มที่วัดแรกตอนเกือบเที่ยงก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าจะไหว้ครบทันเวลาก่อนเย็นที่โบสถ์ของวัดส่วนใหญ่จะปิดไหม แต่ด้วยความที่ว่าวัดในกรุงเทพอยู่ใกล้กัน สามารถเดินไปมาหากันได้ก็ช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางได้มากพอสมควร สามารถจบทริปที่วัดสุดท้ายตอนราวๆ 5 โมงครึ่ง แล้วก็เป็นวัดที่อยู่ในนนทบุรี เดินทางกลับบ้านสะดวกไม่ค่ำมากได้สบาย
ตอนแรกก็เห็นแต่ในรูป รู้ว่าวัดในกรุงเทพสวยนะ ฝรั่งมาไทยก็ต้องมาเที่ยวกันทั้งนั้น แต่พอกลับไปเห็นจริงอีกรอบแล้วพบว่าสวยจริงๆ บางวัดมีประวัติที่น่าสนใจให้กลับมาหาข้อมูลต่อด้วย และนี่ก็ผ่านมา 5 ทริปแล้วที่ใช้ tripniceday.com ในการจัดแผนการเดินทาง เริ่มรู้สึกว่าใช้ง่ายขึ้น อยากจะถ่ายรูปมาเขียนบล็อก อยากหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆเพิ่ม จริงๆแล้วเที่ยวไทยก็มีดีหลายที่อยู่เหมือนกัน
แต่ก็มีบางครั้งที่เราดูรูปในเน็ตมาแล้วพบว่าบางทีไม่ตรงปก คือบางเพจ หรือ influrencer บางคนอาจจะถ่ายรูปมาสวยมาก แล้วทำให้เราคาดหวังเกินจริงไปหน่อยว่าไปแล้วจะเจอแบบนั้น ผมเลยคิดว่ารูปที่ถ่ายมาทั้งหมดทุกรูปอยากจะได้แบบ real หรือให้มันเป็น everyday life ตามจริงเวลาคนทั่วไปอย่างเราไปกันแล้วจะต้องเจอแบบนั้นจริงๆน่าจะดีกว่า ทุกรูปของผมที่โพสต์เลยมีคนเดินไปเดินมาอย่างที่เห็นกันครับ