ธรรมชาติสวย บรรยากาศสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน และปลอดภัย อันนี้คือโจทย์ และคำตอบที่ได้คือหาดบ้านกรูด
ด้วยการระบาดของไวรัสโควิด - 19 ในช่วงก่อนปีใหม่ ก็ต้องมีการติดตามข่าวสารและสถานการณ์ประกอบการตัดสินใจ ลังเลอยู่พักนึง ไปหรือไม่ไป ตัดสินใจได้เกือบนาทีสุดท้าย หลังจากเช็คข่าวคราวและมาตรการต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ก็จัดการจองที่พักได้ล่วงหน้า 3 วันพอดิบพอดี ตามเงื่อนไขโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ออกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว อุปกรณ์ความพร้อมครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้ากาก เจลแอลกอฮอล์ ทิชชู่เปียก น้ำ อาหารต่าง ๆ มุ่งหน้าสู่ประจวบคีรีขันธ์ หาดบ้านกรูดคือปลายทางที่หมายมั่น ระหว่างทางก็หาข้อมูลจุดแวะพักที่ไม่แออัด และต้องไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่รวมมวลชน
เขาช่องกระจก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
~ อยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัด ~
เป็นจุดหมายแรกของทริปนี้ การได้ชมบรรยากาศและความงามในมุมสูงของเมืองสามอ่าวคือเป้าหมายของการเดินไต่ขึ้นบันได 396 ขั้น แต่ระหว่างทางก็ต้องมีอุปสรรคขัดขวางอยู่บ้าง ที่ว่านี้ก็คือลิงเจ้าถิ่น ที่คอยต้อนรับทักทายนักท่องเที่ยวด้วยการอาจเข้ามาแย่งทรัพย์สินหรือของกินได้ อาวุธที่ต้องมีคู่กายในระหว่างเส้นทางเดิน จึงต้องเป็นไม้ยาว ๆ เอาไว้ขู่ให้น้อง ๆ ลิง ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ด้านล่างตรงทางขึ้นจะมีคนขายของเขาเตรียมไม้ไว้หลายอัน ในบริเวณที่จอดรถวัดธรรมิการามวรวิหาร
~เก็บเกี่ยวความสุขระหว่างทาง ~
เดินไปถ่ายรูปไปก็เกือบชั่วโมง ดูเหมือนไม่ไกล ไม่สูงเท่าไหร่ ขั้นบันไดไม่มาก (300 กว่าเองงงง) แต่ก็พอให้ได้หอบได้เหนื่อยและพักตามทางอยู่เป็นระยะ ๆ มีเดินสวนกับนักท่องเที่ยวบ้างประปราย
พอขึ้นไปถึงจะเห็นวิหารด้านบนเป็นจุดให้ได้เข้าไปไหว้พระทำบุญ มีตู้น้ำเย็นทั้งน้ำเปล่า ทั้งน้ำอัดลม ให้เลือกสรรมาดื่มให้หายกระหายจากการเดินขึ้นมาที่สูง ข้าง ๆ มีกล่องให้หยอดทำบุญได้ตามศรัทธา
ดื่มน้ำไหว้พระทำบุญเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเดินสำรวจบริเวณด้านบนโดยรอบ ในวันที่เราไปอากาศเย็นลมแรงและแรงมากกกก จึงเป็นโอกาสดีของการเดินชมดื่มด่ำได้อย่างเนิบช้า
วิวสวยทั้งด้านตัวเมืองและด้านที่มองเห็นวิวสามอ่าว (อ่าวน้อย อ่าวประจวบฯ และอ่าวมะนาว) จากมุมสูงมองเห็นเกลียวคลื่นเป็นเส้นเล็ก ๆ ที่สายลมช่วยพาซัดฝั่งอยู่ไม่หยุดหย่อน โอ้ยย มันฟินเวอร์
เดินสำรวจอยู่พักนึง รับลมจนอิ่มหนำใจ แต่มองไปก็ยังไม่เจอช่องกระจกที่เขาว่า เจอหลวงพี่พอดี สบโอกาสจึงสอบถาม หลวงพี่บอกว่ามีทางลงอยู่ด้านหลัง ต้องไต่บันไดลงไป วันนี้ลมแรงไม่อยากให้ไปเพราะบันไดมันจะแกว่ง หลวงพี่พาเราไปดูอีกทางหนึ่งแทน บอกว่าเป็น unseen ของที่นี่ ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าลงมาตรงนี้ได้ เป็นลักษณะคล้ายถ้ำ มีช่องคล้ายกับช่องกระจกเหมือนกัน ก็สวยงามจริงอย่างหลวงพี่ว่า แต่อยู่ระหว่างการปรับปรุงพัฒนาสถานที่ หากเดินชมตอนนี้ต้องระวังสักหน่อย
แต่เรายังค้างคาใจอยากเห็นช่องกระจกที่ว่านั้น ไปถามเซ้าซี้ต่อว่าไปทางไหนถึงจะลงไปได้ หลวงพี่ชี้ทางไปประตูด้านหลัง บอกจะไปดูก็ได้ แต่ถ้าลงไม่ได้ก็อย่าฝืนให้กลับขึ้นมา ก็โอเคค่าาา มาแล้วต้องไปให้ถึงสิน่าา (แต่นักท่องเที่ยวคนอื่นก็ไม่มีใครเขามาตรงนี้กันเลยอ่าา)
ลัดเลาะไปแบบไม่มั่นใจ ด้วยทางที่ดูจะไม่เป็นทาง ดูแล้วน่าหวั่นสะพรึงจริงอย่างเขาว่า ยิ่งวันลมแรงแบบนี้
ลองไต่ไปตามหินเพื่อหยั่งเชิง ก็เห็นบันไดเหล็กที่ดูเหมือนจะมีลวดผูกอยู่กับหิน (รึเปล่า) ตั้งชันเกือบจะ 90 องศา ไม่รู้ต้องไต่ลงไปกี่ขั้นกี่ชั้นกันกว่าจะเทียบเท่า 396 ขั้นในด้านหน้า คือมองลงไปไม่เห็นปลายทางได้เลย
เห็นแต่น้ำทะเลอยู่ด้านล่าง คือถ้าก้าวพลาดก็ไม่รู้จะติดโขดหินหรือจมทะเลอ่ะนะ ถ้าจะปีนไต่ก็ไหนจะกระเป๋า ไหนจะไม้กันน้องลิง ดูเกะกะเป็นภาระในระหว่างปีน ไอ้ครั้นจะทิ้งไม้ ก็เกรงว่าเกิดลงไปเจอน้องลิงดักเรียกค่าปรับในปลายทางจะทำไง
นั่งตัดสินใจประเมินความเสี่ยงอยู่พักนึง ปกติก็ไม่ใช่คนยอมอะไรง่าย ๆ ครั้งนี้ยอมให้เขาหาว่าป๊อดละกัน จากการประเมินสมรรถนะตัวเองแล้ว ไว้ไปฟิตร่างกายให้แข็งแรงกว่านี้ อากาศโปร่ง ๆ ที่ลมไม่แกว่งแรงเช่นวันนี้ ดูมาตรการความปลอดภัยให้ดีเป็นแน่แท้ก่อน คืองานนี้ต้องมีซ่อม แอบเสียดาย แต่เอาน่าตัดใจ safety first ดูแลตัวเองคือสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอเมื่อรักจะเที่ยวคนเดียวต่อไป
โรงแรมบ้านกรูด อาเคเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา
ใกล้จะเย็นย่ำแล้ว เดี๋ยวไม่ทันตะวันลับฟ้า รีบมุ่งหน้าสู่ อ.บางสะพาน หาดบ้านกรูดคือจุดหมายปลายทางของวันนี้ ตรงเข้าไป check in ที่พักก่อนเลย
เราเลือกจองที่ รร.บ้านกรูด อาเคเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา
จากการดูข้อมูลเปรียบเทียบในหลายแหล่ง มาถึงก็ไม่ผิดหวังค่ะ ที่นี่มีห้องหลายแบบหลายสไตล์ให้เลือก ที่เราจองได้เป็นแบบดีลักซ์ วิลลา วิวสวน ราคาปกติใน agoda อยู่ที่ 2,8xx บาท ลดจากการใช้สิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 40% เหลือจ่ายในราคา 1,689.60 บาท (ด้วยจองกระชั้นชิดมาก มีเหลือให้เลือกไม่กี่ห้อง)
เราว่าที่นี่คุ้มค่ากับราคานะ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อุปกรณ์ข้าวของมีครบไม่ขาดสิ่งใดเลย บริการครบแบบไม่ลด cost
ห้องน้ำชมวิวชมสวนได้อย่างแท้จริง อาจมีไม่มั่นใจในตอนแรก ก็กระจกใสไร้ม่านขนาดนั้น แต่น่า ... ก็บรรยากาศชมสวนนี่นา วันที่มาอากาศเย็นด้วย อาบน้ำด้านนอกคงหนาวมากมาย
หาดบ้านกรูด (บ้านกรูดใต้)
เก็บข้าวของเสร็จ ไปเดินเล่นริมหาดกันค่ะ ชมแสงสุดท้าย รับลมหนาวและดาวเดือนในคืนข้ามปี
ลมแรงมากจริง ๆ ขาตั้งกล้องเราใช้งานไม่ได้เลย ขนาดจับมือถือถ่ายทั้ง 2 มือ ยังแทบจะต้านลมไว้ไม่ไหว แต่สดชื่นสุด ๆ ค่ะ
เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ต่อไปก็เป็นดวงจันทรามารับหน้าที่ต่อ แต่ก่อนชมจันทร์ไปทานอาหารเย็นกันก่อนค่ะ
อ่อ ตอนที่เรา check in ที่โรงแรมเรียบร้อย ในแอปเป๋าตัง ก็จะมีคูปองค่าอาหารเข้ามาให้เรา 900 บาท เป็นของรัฐเอาไว้จ่าย 40% หักจาก 900 บ. นี้ แล้วเราก็ออกเองอีก 60% ให้ใช้ได้ถึง 23.59 น. ของพรุ่งนี้
ร้านปลาทูซีฟู้ด
เราก็ต้องหาร้านที่ร่วมรายการสินะ ว่าแล้วก็เจอกับร้านปลาทูซีฟู้ด
เดินเลาะตามหาดมาไม่ไกล ตัวร้านตั้งอยู่อีกฝั่งของถนน มีที่นั่งภายในร้าน และจัดที่นั่งเป็นซุ้มไว้ริมหาด รองรับลูกค้าได้มากพอสมควร แล้วแต่ใครจะเลือกนั่งโซนไหน เรามาคนเดียว นั่งเดี่ยวซุ้มเดียวได้อย่างสบายเลยค่าา
สั่งอาหารมา 3 อย่าง อันที่จริงก็มากไปสำหรับคนเดียวแหละ แต่สั่งน้อยก็จะเกรงใจมั้ย นั่งเต็มโต๊ะเขาซะขนาดนี้ อันที่จริงหากร้านอาหารมีขนาดสำหรับคนเดียวด้วยก็คงดี ตอบโจทย์ลูกค้ามาเดี่ยวได้มากในอนาคต แต่ด้วยครั้งนี้ไม่ต้องจ่ายเองเต็มราคา เลยไม่ต้องคิดมากล่ะมั้ง คือโครงการนี้เขากระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงแหละน่าา
อาหารรสชาติดีเข้าท่า และเมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว ก็เช็คบิลจ่ายเงินผ่านแอปเป๋าตัง คิดกันไปตามเปอร์เซ็นต์สัดส่วนที่ต้องจ่าย
หาดบ้านกรูดในคืนข้ามปี
ได้เวลาไปนอนเล่นริมเลกันแล้วค่ะ ตอนที่นั่งเขียนยังหวนนึกถึงบรรยากาศและกลิ่นไอในตอนนั้น คือมันดีมากกกกในรอบปี ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า แหงนเงยมองท้องฟ้าเห็นแสงแห่งดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ เสียงคลื่นซัดฝั่งทั้งวันทั้งคืนแบบไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ลมหนาวปะทะผิวกาย นี่ถ้ามีผ้าห่มสักผืน คงได้หลับใหลอาบแสงจันทร์ห่มแสงดาวกันเลยคืนนี้
บริเวณรอบข้างมีผู้คนอยู่ประปราย ส่วนมากเป็นกลุ่มครอบครัว พอให้ได้ไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวและอันตราย และด้วยหาดหน้าโรงแรมนี้ไม่ถึงกับมืดมิด เพราะมีแสงไฟจากการตกแต่งประดับประดาของร้านอาหารที่เจ้าของเดียวกันอยู่ด้านหน้า มองดูแล้วจุดนี้เป็น location ที่บรรยากาศดี สวยงาม สงบเงียบ และดูปลอดภัยกว่าที่อื่นในยามค่ำคืนเลยล่ะ
ทะเลสีดำ ไม่นานก็เช้า ค่ำคืนเหน็บหนาว 🎶 ..
บ๊ายบายปีเก่า 2020
หาดบ้านกรูดนิวเยียร์
ตื่นยามเช้าสดชื่นจริงอะไรจริง ไปรอรับแสงตะวันยามเช้าที่เส้นขอบฟ้ากันค่ะ มันสดชื่นนนน ธรรมชาติบำบัดที่แท้ทรู สบายใจในวันปีใหม่ Happy New Year 2021
เฝ้ามองแสงสีทองอมส้มที่อีกด้านของขอบฟ้าอยู่ไกล ๆ รุ่งอรุณของวันใหม่
ไม่นานนักพระอาทิตย์ดวงกลมเล็กในจุดที่เรามองเห็น ค่อย ๆ โผล้พ้นขึ้นมาทีละน้อย ๆ จนแสงเปล่งประกายสีส้มเต็มดวงสดใส
ก็บอกแล้วว่าไม่นานก็เช้า ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ มีหมุนเวียนเปลี่ยนผัน เช่นดวงจันทราและแสงสุริยะ ไม่ยึดติดจนมากเกิน และพร้อมปรับตัวเปลี่ยนแปลง
ตอนเช้าที่โรงแรมเขาก็จะมีชุดใส่บาตรไว้บริการด้วยค่ะ ชุดละ 60 บาท ก็จะมีพระมาบิณฑบาตช่วงก่อน 7 โมงเช้า
ที่นี่ก็มีมาตรการอย่างเคร่งครัดในการป้องกันโควิด - 19 ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งรอบการทานอาหารเช้าบุฟเฟต์ออกเป็น 5 รอบ ๆ ละ 40 นาที ไม่ให้คนแออัด ทั้งการจัดที่นั่ง หรือจะบริเวณเคาน์เตอร์ การบริการอาหารต่าง ๆ เจลแอลกอฮอล์ก็มีบริการอย่างเหมาะสม
ถือเป็นการเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ที่คนโล่งมาก คือจำนวนนักท่องเที่ยวที่นี่ก็มีเข้าพักพอสมควรแหละ ไม่ได้น้อยถึงกับทำให้ผู้ประกอบการเงียบเหงา แต่ก็ไม่ได้มากที่จะทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราอึดอัด ถือว่ากำลังดีเลย
อิ่มอาหารเช้า ก็พักผ่อนแบบไม่เร่งรีบ นอนมองเมอไลออนพ่นน้ำริมสระอยู่ในระยะสายตา สระว่ายน้ำทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ที่ก็มีป้ายจำกัดจำนวนคนลงเล่น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กเล่นอยู่บ้างไม่กี่คน
วัดทางสาย
วันแรกของปี รับศักราชใหม่ไปทำบุญไหว้พระกันดีกว่า วัดทางสายตั้งอยู่บนเขาธงชัยที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ ตั้งแต่ชายหาด
มาถึงก็เข้าไปไหว้พระพุทธกิติสิริชัยองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านสวยงาม มีวิวทะลอยู่เบื้องหน้า ผู้คนพอประมาณไม่มากนัก พอให้ได้เข้าไปไหว้สักการะ
ได้ยินเสียงประทัดดังต่อเนื่อง ด้วยผู้ศรัทธามากราบไหว้เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ในอีกด้านเขามีให้ทำบุญปิดทองหัวใจพระพุทธฯ ถามไถ่ได้ความว่ากำลังสร้างพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ปางห้ามสมุทรที่วัดห้วยตะเคียน ที่เป็นวัดสาขาของที่นี่ อยู่บางสะพานนี้เช่นกัน สามารถร่วมทำบุญได้โดยบูชาพระประจำวันเกิดของเรา แล้วบรรจุไว้ในหัวใจองค์พระใหญ่
ไหว้พระทำบุญเสร็จ พลาดไม่ได้กับการไปชมความงดงามของพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ เจดีย์สถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ เจดีย์ประจำรัชกาลที่ 9 ที่มีความสวยงามทั้งด้านนอกและด้านในที่มีถึง 5 ชั้น
จุดเดินเข้าสังเกตรูปปั้นยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่หน้าประตูทางเดิน
งดงามจริงอย่างเขาว่า ลงตัวทั้งพระมหาธาตุเจดีย์ฯ ทั้งวิวทิวทัศน์ท้องฟ้าทะเล และแรงลมในยามใกล้เที่ยงเช่นนี้
ร้านคาเฟ่ เดอวา Cafe De Wa
ได้เวลาอาหารเที่ยง ขับกลับมาทางเดิม ร้านอาหารเที่ยงเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน คาเฟ่ เดอวา ร้านอยู่หน้าโรงแรมเลย และเช่นเคยใช้คูปองอาหารผ่านแอปได้ด้วย
ร้านตกแต่งน่ารัก ทั้งในร้านที่เป็นห้องแอร์ และด้านนอกที่รับลมทะเลไปทานอาหารไป
ไม่เพียงเท่านี้ ทางร้านยังมีตกแต่งสถานที่ริมหาด มีพร็อพให้นั่งเล่นนั่งถ่ายรูปอยู่หลายจุด กลางวันก็สวยงามไปกับความสว่างของท้องฟ้า กลางคืนก็มีไฟตกแต่งที่ช่วยส่องสว่างร่วมกับแสงเงานวลของดวงจันทร์
อาหารก็มีให้เลือกทั้งจานหลักและของหวาน เครื่องดื่มชากาแฟหรือสมูทตี้ก็มีให้เลือกสั่งร้านนี้เราทานทั้งมื้อกลางวันและยามค่ำเลยล่ะ
โรงแรมศาลาไทย บีช รีสอร์ท
อ่อ จริง ๆ เราต้องเดินทางกลับวันนี้แล้ว จองที่พักไว้คืนเดียว แต่ติดใจที่นี่แล้วทำไงได้ ตัดสินใจอยู่ต่ออีกคืน ไม่ได้จองล่วงหน้า 3 วัน ใช้สิทธิ์โครงการไม่ได้นะคะ
ทีนี้ก็ต้องหาโรงแรมที่ราคาสบายกระเป๋ากว่านี้สักหน่อย และด้วยจะได้ประสบการณ์ที่แตกต่าง
ศาลาไทย บีช รีสอร์ท คือที่พักคืนที่สองของเรา
ที่นี่เขาก็ร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันนะคะ เพียงแต่ต้องโทรจองตรงเท่านั้น วันนี้เราจองแบบ walk in ได้ราคาที่ 900 บ. รวมอาหารเช้า (ราคาหน้าเว็บโรงแรมปกติขายอยู่ 1,500 บ. ในช่วงเทศกาล) ที่นี่ห่างจากอาเคเดียประมาณ 500 เมตรเองแหละ
การบริการและพนักงานอาจไม่เต็มรูปแบบเหมือนคืนแรก แต่โอเครับได้ในระดับราคาที่จ่าย ก็ถือว่าคุ้มค่าสมราคาได้อยู่ล่ะ
ดูหลายโรงแรมย่านนี้ก็แอบคิด มีทั้งยังดูปกติดี มีทั้งอ่อนแรงโรยรา ผลกระทบจากโควิด (ปัจจัยภายนอก) และความสามารถในการปรับตัว (ปัจจัยภายใน) ส่งผลต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวแต่ละรายแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ (มั้ง 555+ ก็ไม่ได้ทำวิจัยแต่อย่างใด ใช้การสังเกตเอาล้วน ๆ)
กลับมาที่ศาลาไทยรีสอร์ท 900 บ. ได้เป็นบ้านหลังพอเหมาะสำหรับ 2 คน จอดรถได้หน้าบ้านเลย
~ห้องน้ำมิดชิดไปเนอะ 555 ~
ลัดเลาะเลียบทะลชายหาด
Check in แล้ว ไปไหนดี ทริปนี้เราแพลนไว้แบบหลวม ๆ ทั้งด้วยอยากพักผ่อนและด้วยสถานการณ์ ไม่ได้ต้องการแวะเที่ยวอะไรเยอะมาก บ่ายนี้เราก็เลย sightseeing แถวย่านบ้านกรูดนี่ล่ะ
ขับรถช้า ๆ เลาะไปตามถนนริมหาด เปิดกระจกรับลมธรรมชาติ ฟังเพลงที่ชอบ มัน feel goodddd...
slow life มันเป็นแบบนี้นี่เอง ได้หยุดคิดกับทุกสิ่ง ดื่มด่ำกับภาพเบื้องหน้าและบรรยากาศรอบตัว
วิถีชีวิตของชุมชนแถวนี้ก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ วันปีใหม่ก็คงเป็นเหมือนวันธรรมดาวันหนึ่งของชีวิต ที่ทุกคนยังคงต้องทำอาชีพดิ้นรนและค้นหาคำตอบ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือจะเพื่ออะไรก็แล้วแต่
เราขับจากหาดบ้านกรูดใต้ เลาะไปทางอ่าวแม่รำพึง ผ่านโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำคลองคงคาชัย เห็นเรือประมงจอดอยู่มากมาย และมีบริเวณที่น้ำทะเลไหลเข้าสู่พื้นที่โครงการนี้ (แต่เราไม่มีข้อมูลโครงการนี้อ่ะ)
ก็จะเป็นอีกจุดทัศนียภาพที่งดงามลงตัว มีโขดหินเล็กใหญ่ตั้งเรียงรายเป็นแนวกั้นน้ำทะเลกับชายฝั่งอีกด้าน
บริเวณนี้อีกด้านก็จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มปิคนิคมาจอดรถเปิดเพลง ปูเสื่อ นั่งทานอาหารกัน แต่อีกมุมหนึ่งก็จะเห็นเป็นขยะเศษภาชนะอาหารต่าง ๆ ปลิวอยู่ทั่วบริเวณ มีมุมสดชื่นก็จะมีมุมน่าเศร้าอ่ะนะ เก็บสิ่งที่ตัวเองเอามากันด้วยเถอะนะคะ รับผิดชอบตัวเองรับผิดชอบธรรมชาติรักษ์สิ่งแวดล้อมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ กันเนอะ
ขับรถเรื่อยต่อไปผ่านอ่าวแม่รำพึงถึงอ่าวบ่อทองหลาง มีโรงแรมที่พักสลับกับแหล่งชุมชนบ้านเรือนผู้คนและพื้นที่การเกษตร+ประมงตลอดเส้นทาง
ใกล้ ๆ วัดบ่อทองหลาง ก็จะมีร้านอาหารริมทะเลอยู่หลายร้าน มีนักท่องเที่ยวนั่งทานอาหาร ถ่ายรูป ลงเล่นน้ำ คือวันที่เรามาคลื่นลมแรงมาก แถวหาดบ้านกรูดก็จะไม่มีใครลงเล่นน้ำ แต่มาบริเวณนี้จะเห็นว่าพื้นที่เป็นจุดที่หลบคลื่นลมได้ดีเลย เป็นมุมอ่าวหลังหินขนาดใหญ่ ธรรมชาติสรรสร้างไว้อย่างลงตัว
พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว ได้เวลาขับกลับเส้นทางเดิมละค่ะ แล้วมื้อเย็นวันนี้จะทานที่ไหนดี หาข้อมูลเลย ร้านไหนน๊าที่จะให้บรรยากาศ ประสบการณ์ใหม่ และที่สำคัญใช้คูปองอาหารลดราคาได้ด้วย
ครัวบ้านกลางอ่าว
คือที่บ้านกลางอ่าว เขาก็เป็นโรงแรมที่พักหาดบ้านกรูดค่ะ และก็ตั้งอยู่กลาง ๆ อ่าวสมชื่อล่ะค่ะ อันที่จริงตอนเสิร์ชหาเราก็สนใจจะพักที่นี่นะ แต่ไม่รู้ด้วยอะไรแหละ เปรียบเทียบหลายที่เกิน ก็ไม่ได้มาพัก ผ่านมาเห็นชื่อ ดูสถานที่ก็น่าสนใจเข้าท่าดีแหละค่ะ ก็เลยแวะสอบถามทานอาหาร คือถึงไม่ได้พัก ก็ทานอาหารได้นะคะ เขาก็ร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเหมือนกัน แต่ต้องโทรจองตรงกับโรงแรมเท่านั้นนะคะ
ทานเสร็จมืดพอดี ชำระเงินผ่านแอปเป๋าตัง อิ่มจังตังค์เราจ่าย 60% แต่แถวนี้ชายหาดด้านหน้าโรงแรมพอมืดแล้ว ไฟไม่ค่อยสว่าง จะดูเปลี่ยวนิด ๆ ค่ะ
ชมจันทร์หาดบ้านกรูด
ค่ำคืนนี้เป้าหมายเราก็นั่งชายหาดแหละ ชอบไงบรรยากาศแบบเมื่อคืน นั่งนิ่ง ๆ เขียนโน่นนี่นั่น สัมผัสสายลมแสงราตรีไปเรื่อย ง่วงก็เข้านอนไรงี้ แต่ด้วยเราดูละ ว่าแถวที่พักใหม่เรา ก็มีที่นั่งนะ แต่ดูจะมืด ๆ อ่ะ บอกแล้วเที่ยวคนเดียวยังไงก็ต้องดูความปลอดภัย เราก็เลยไปนั่งเตียงผ้าใบที่หน้าโรงแรมเมื่อคืนดีกว่า ตอนค่ำเราก็ไปอุดหนุนช็อกโกแลตลาวาที่คาเฟ่เดอวาก่อนแล้วถึงจะไปใช้บริการนั่งที่เขา และด้วยคูปองอาหารยังใช้ไม่หมดสักทีไง
คืนนี้เรามาก่อนพระจันทร์นะ ลมเย็นบรรยากาศดีอีกค่ำคืนหนึ่ง และแล้วพระจันทร์ก็มาไม่ปล่อยให้เรารอเก้อ เวลาหาดบ้านกรูด 20.20 น.
แล้วก็หลับฝันดี ... อีกคืน
ยิ้มรับแสงตะวันยามเช้าที่หาดบ้านกรูด
เช้าวันที่ 2 ของปี และของที่นี่หาดบ้านกรูด กู๊ดมอร์นิ่ง
~บินเดี่ยวบ้างในบางเวลา ~
มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว พระอาทิตย์ดวงเดิมแต่ต่างในจุดที่ยืน ฤดูกาลนี้ดวงตะวันสแกนแสงเข้างานเวลา 06.44 น. ค่ะ
รูปเยอะนะ นี่เลือกแล้ว ถ่ายจริงเยอะกว่านี้มากกกก วันนี้ลมไม่แรงเท่าเมื่อวาน ขาตั้งกล้องเราพอได้หยัดยืน แม้บางคราวจะต้องหาที่พักพิงบ้าง
ที่ศาลาไทยก็มีชุดใส่บาตรเตรียมไว้ให้เหมือนกันค่ะ ชุดละ 30 บาท ตั้งโต๊ะรอพระอยู่หน้าโรงแรม พี่เขาก็จะคอยเรียกเวลาที่พระใกล้มาถึง ขณะที่นักท่องเที่ยวเดินชมหาดชมตะวันกันอยู่
พระมา 2 รูป ใส่บาตรกันเสร็จ ก็กรวดน้ำริมทะเลกันค่ะ กับที่กรวดน้ำส่วนตัวแบบพกพาใช้สะดวกได้ทุกที่เลย
เริ่มสายเราก็ปล่อยพระอาทิตย์ทำหน้าที่ของตัวเองไป งานต่อไปของเราก็คืออาหารเช้า ที่นี่เขาก็เป็นแบบบุฟเฟต์ค่ะ แต่เป็นลักษณะเตรียมเป็นจาน ๆ ไว้ให้เลย ประเภทอาหารอาจน้อยไปนิด แต่เขาก็ให้เติมได้ตลอดค่ะ
ได้เวลาร่ำลาบ้านกรูดแล้วสิ อ่อ เขาบอกว่าที่นี่ชื่อบ้านกรูดเพราะเมื่อก่อนต้นมะกรูดเยอะ ไม่ทันได้ตามหาต้นมะกรูดเลย แต่ยังไงก็ชอบที่นี่ค่ะ บ๊ายบายหาดบ้านกรูด
เรื่องราวระหว่างเส้นทาง
ตามแพลนวันนี้จะไปป่าสนเหมืองแร่กันค่ะ เส้นทางกลับกรุงเทพฯ เลย ระหว่างทางขับแบบไม่รีบร้อน มองสองข้างทางไปคิดอะไรไปเพลิน ๆ แบบไม่ได้ฟิกซ์อะไรกับตัวเอง แวะซื้อผลไม้ชุมชน ถูกและดี (อ่อ ทุกการแวะเราใส่หน้ากากตลอด ๆ นะ ขึ้นรถก็เจลแอลกอฮอล์ทันทีเลย ไม่กังวลแต่ไม่ประมาทค่าา)
~ท้องฟ้าสดใสเสมอ เมื่อเราให้เวลาในการมอง ~
ขับมาเส้นหลักถนนเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพฯ สะดุดตากับรูปปั้นพญาหงส์ตั้งแต่ระยะไกล ๆ ไม่ได้อยู่ในแพลนทริปนี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแวะหยุดจอดดูความงดงามและที่มาที่ไปของวัดนี้
วัดห้วยลึก อ.ทับสะแก
ดูจากข้อมูลที่นี่มีเรื่องเล่าตำนานพญาหงส์อย่างน่าสนใจ และจากการสอบถามร้านที่ขายพวงมาลัยอยู่ข้าง ๆ ถึงความเชื่อความศรัทธา ก็จะเป็นเรื่องการเดินทางความปลอดภัยแคล้วคลาดจากอันตราย รวมถึงโชคลาภ หรือจะการงานก็แล้วแต่ใครจะกราบไหว้ศรัทธา
รูปปั้นพญาหงส์นี้มีมานานหลายสิบปีแล้ว แต่เมื่อไม่กี่ปีนี้เพิ่งมีคนที่ศรัทธามาทาสีให้สวยงามแบบนี้ ได้ยินว่าเขาถูกหวยอะไรประมาณนี้ค่ะ อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ
ด้านในก็จะเป็นวัดเป็นโบสถ์/วิหาร และมีศาลเจ้าพ่อเขาโอฐ เจ้าแม่ตะเคียนที่เป็นที่เคารพของคนในพื้นที่อยู่ด้วย
ป่าสนเหมืองแร่ อ.ทับสะแก
ไปต่อค่ะ ปักหมุดจุดหมายที่ป่าสนเหมืองแร่กันค่ะ ระหว่างทางก็จะเจอป่ามะพร้าวเรื่อยมา จากถนนสายหลักเข้ามาเป็นถนนในชุมชน สองข้างทางก็จะเป็นสวนมะพร้าว สวนปาล์ม บ้านเรือนผู้คน มีรถชาวบ้านวิ่งสวนอยู่เป็นระยะ
สักพักใหญ่ก็ถึงละค่ะ ป่าสนเหมืองแร่ สำหรับใครที่คาดหวังว่าต้องเป็นสถานที่แหล่งท่องเที่ยวแบบสะดวกสบายมีทุกสิ่งเลย อาจผิดหวังนะคะ แต่เราชอบแบบนี้ เพราะที่นี่ก็ตามชื่อค่ะ ป่าสนก็คือมีต้นสนเยอะ ๆ ใต้ผืนฟ้ากว้าง เป็นทิวเป็นแนวสวยงามตามธรรมชาติ ไม่ได้มีสิ่งปรุงแต่งใด ๆ แต่ถ่ายรูปสวยและมีเสน่ห์น่าสัมผัสตามวิถีแบบจริง ๆ ค่ะ ชาวบ้านเขาก็ยังคงทำสวนทำมาหากินของเขาไปตามปกติ เราจะเข้ามาถ่ายรูปเขาก็ไม่ได้ว่า แต่อย่าไปทิ้งความเสียหายไว้หรือรบกวนวิถีของชุมชนก็พอค่ะ
มุมไฮไลท์ของที่นี่ก็คงเป็นถนนรูปตัวเอสแหละ ระหว่างชมป่าสนก็เห็นนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มวนเวียนกันเข้ามาถ่ายรูป รูปทริปนี้เราดูเป็นเด็ก-boy สุด ๆ 555
ร้านกาแฟ Mountain Cafe อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
ระหว่างทางขากลับกรุงเทพฯ ขับรถบ่าย ๆ อาจมีง่วง เติมคาเฟอีนกันหน่อยค่ะ ผ่านร้านนี้พอดี ร้านหน้านิคม อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ค่ะ ปกติเขาหยุดวันเสาร์นะคะ แต่ถ้าเป็นเทศกาลก็จะเปิดทุกวันค่ะ ร้านน่ารักน่าแวะ เครื่องดื่มราคาไม่แพงเลย ร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่งด้วยค่ะ
วัดห้วยมงคล อ.หัวหิน
เดินทางต่อมาสักพัก ผ่านทางเข้าวัดห้วยมงคล อันที่จริงก็ไม่ได้อยู่ในแพลนเช่นกัน ด้วยคิดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแมส คนเยอะแน่ ๆ แต่เห็นป้ายแบบเข้าไปจากทางหลักไม่ไกล และยังไม่เคยได้มีโอกาสมาไหว้หลวงปู่ทวดที่นี่เลยสักครั้ง เลยตัดสินใจเลี้ยวซ้ายลองเข้าไปดูค่ะ ไม่เกิน 15 นาทีก็ถึง
คนไม่เยอะมาก ไม่ถึงกับแน่นค่ะ เดินไหว้พระได้แบบสบาย ๆ ที่นี่มีไอ้ไข่แล้วด้วยนะคะ
ปิดท้ายทริปนี้ที่นี่กันเลยค่ะช่วงนี้จะเดินทางที่ไหนยังไงต้องติดตามสถานการณ์และปฏิบัติตามมาตรการนะคะร่วมมือกันให้ทุกอย่างกลับมาปกติโดยเร็วค่ะ ให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ 😊