พูดถึงการท่องเที่ยว บางคนสะดวกที่จะเดินทางโดยรถส่วนตัว เครื่องบิน รถตู้ หรืออย่างยานพาหนะที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานอย่าง "รถไฟไทย" ในวันนี้ถือว่ามาแชร์ประสบการณ์การขึ้นรถไฟที่ใช้เวลายาวนานถึง 14 ชั่วโมง! ให้เพื่อนได้ฟังว่าหากเราจะไปเที่ยวด้วยรถไฟไทย เป็นเวลานานๆ เราจะต้องเตรียมตัวยังไงกันบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าผมเองเป็นคนที่ใช้รถไฟในการเดินทางบ่อยๆ เพราะราคาถูก และสะดวกที่สุดสำหรับผมแล้ว และในการเดินทางที่ใช้เวลานานที่สุดคงหนีไม่พ้นการกลับบ้านต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาจากต้นทางสถานีกรุงเทพ สู่ปลายทางสถานีนาสาร (สุราษฎร์ธานี) ที่ในตั๋วบอกไว้ว่ายาวนานกินเวลาเป็นสิบๆ ชั่วโมง แต่หากคุณได้ตู้นอนมันก็ไม่อะไรให้เตรียมตัวมากมาย (ผมจองไม่ทัน) เพราะทางการรถไฟมีการปูเตียง เตรียมผ้าห่มให้เราได้นอนยาวๆ ฟินๆ กันไป แต่ถ้าเป็นชั้น 2 หรือชั้น 3 ชั้นประหยัดมันคือหนังคนละม้วนกันเลย
เสียเวลาเกริ่นมานานเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ กับสิ่งที่คุณต้องเตรียมพร้อมหากต้องเดินทางไกลในรถไฟชั้นประหยัดมีไอเทมอะไรที่ควรเตรียมเพื่อสู้ชีวิตกันบ้าง
1. หมอนรองคอ
นี่ถือเป็นไอเทมลำดับนัมเบอร์วันที่ถือว่าสำคัญมากถึงมากที่สุดในความคิดผมเลยครับ เพราะในเวลา 10 กว่าชั่วโมงที่เราทำได้เพียงนั่งซึ่งเก้าอี้ทำได้เพียงปรับเอนนิดหน่อยเท่านั้น หมอนรองคอถือเป็นไอเทมที่ช่วยไม่ให้เราคอเคล็ดระหว่างสัปหงกระหว่างทางได้ดีเลยครับ
2. ที่ปิดตา
ถามว่าทำไมต้องเอาไปด้วย เพราะรถไฟชั้นประหยัดจะไม่มีการปิดไฟ หรี่ไฟแม้แต่น้อย (ชั้นนอนก็ไม่ปิดแต่มีผ้าม่าน) สว่างจ้าประดุจอยู่ท่ามกลางแสงแดดยามเที่ยงวันกันเลยทีเดียว ดังนั้นหากใครที่ไม่ชอบแสงสว่างหรือเปิดไฟในการนอนหลับผ้าปิดตาถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ขาดไม่ได้อีกหนึ่งชิ้น
3 เอียร์ปลั๊ก / ที่อุดหูเวลานอน
นี่ถือเป็นไอเทมที่ผมอยากจะแนะนำสำหรับคนที่ไม่ชอบเสียงดัง ถ้าถามว่าดังขนาดไหน ก็ดังแบบหนวกหูเลยครับ เพราะรถไฟชั้นประหยัดจะไม่ได้เป็นตู้แอร์ที่ปิดทึบ แต่จะเป็นตู้พัดลม ซึ่งหน้าต่างแทบจะทุกบานเปิดออกทำให้เราได้ยินเสียงของล้อเหล็กที่เคลื่อนไปบนราง และเสียงลมที่พัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งตามความเร็วรถไฟผ่านหน้าต่างเข้ามาด้านในอย่างชัดเจน ดังนั้น เอียร์ปลั๊กหรือที่อุดหูเวลานอนก็ถือว่าเป็นไอเทมสำคัญเช่นกันถ้าคุณเป็นคนรักความเงียบสงบ
4 ผ้าห่ม / เสื้อกันหนาว
หากเป็นการเดินทางในช่วงกลางวันสิ่งนี้อาจจะไม่จำเป็นใส่เพียงเสื้อยืดสบายๆ กับกางเกงยีนธรรมดาก็ได้แล้ว แต่หากเดินทางเวลากลางคืนอย่างที่บอกว่ารถไฟตู้ประหยัดจะเป็นหน้าต่างที่เปิดให้ลมเข้าตลอดเวลา ดังนั้นยิ่งดึกเท่าไหร่อากาศยิ่งหนาวเท่านั้น จากเย็นสบายอาจจะกลายเป็นหนาวทรมานได้ ดังนั้น ควรใส่เสื้อผ้าหนาๆ หรือพกผ้าห่มผืนเล็กๆ และเสื้อกันหนาวสักตัวเป็นตัวช่วยที่ดีครับ
5 แบตเตอรี่สำรอง
บางคนอาจจะคิ้วขมวดสงสัยแล้วว่า เอาแบตเตอรี่สำรองหรือพาวเวอร์แบงค์มาอยู่ลำดับที่ห้าได้อย่างไร เพราะโทรศัพท์แทบจะเป็นหนึ่งในอวัยวะของคนเราสมัยนี้อยู่แล้ว ใช่ครับผมคงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ แต่เพราะในบางช่วงมันไม่ได้มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตแรงพอให้เราได้เพลิดเพลินกับการเล่นเกมดูหนังขนาดนั้นยังไงละครับ ทำได้มากสุดก็คือการฟังเพลง ผมเลยนำมาไว้ในลำดับสุดท้ายและขอเสริมสำหรับใครที่แบตมือถือหมดจริงๆ แบตเตอรี่สำรองก็หมดตาม ผมขอแนะนำให้ลุกเดินไปหาตู้นอนครับก็จะมีปลั๊กไฟให้เราได้ชาติแบตรอดตายไปได้ (เพราะผมทำมาแล้ว)
หมดไปแล้วกับ 5 ไอเทมที่ผมคิดว่าควรพกติดตัวเตรียมไปสู้ชีวิตกับการเดินทางไกลบนรถไฟไทยแล้วครับ และหากใครที่ชอบเที่ยวอยู่แล้วและอยากได้หนึ่งไอเทมที่ผมแนะนำฟรีๆ ตอนนี้ทาง TripNiceDay เขามีร่วมจัดแคมเปญคู่กับ ททท.นครศรีธรรมราช ที่ให้เราทำเพียงไปเที่ยวเช็คอินให้ครบทั้ง 8 สถานที่
ได้ทั้งบุญและก็มีสิทธิลุ้นรับของรางวัลเหรียญไอ้ไข่จากวัดมหาธาตุ กระเป๋าล้อลาก และชุดหมอนรองคอ โดยวิธีเข้าร่วมกิจกรรมก็ง่ายมาก เพียงโหลดแอปฯ TripNiceDay ล็อกอินเข้าสู่ระบบ กดรับภารกิจในเมนู "ภารกิจเที่ยว" จากนั้นก็เดินทางไปเช็คอินให้ครบก็รอลุ้นรับของรางวัลได้เลย ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ครับ