เมื่อพูดถึงช่วงสงกรานต์ เรามักจะนึกถึงการได้วางมือจากงาน พักยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะถึงเวลาพับเสื้อใส่กระเป๋าเตรียมตัวออกเดินทางไปสู่สักมุมใดมุมหนึ่งบนโลก และใช้เวลาไปกับการเยียวยาตัวเองด้วยการท่องเที่ยวชมวิวพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ ไม่ก็ถ่ายรูปสถาปัตยกรรมสวยๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว แต่น่าเสียดายที่วันหยุดยาวครั้งนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนกับวันหยุดยาวอีกหลายครั้งที่ผ่านมา คือได้แต่กักตัวอยู่ที่บ้าน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งครั้งนี้ดูจะรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนๆ
เราวางแพลนทริปไว้ที่หนึ่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนักสำหรับวันหยุดสงกรานต์นี้ และแน่นอนว่าล่มเพราะสถานการณ์โควิดอย่างไม่ต้องสงสัย สุดท้ายเลยได้แต่แบกกระเป๋าเป้คอตกกลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมาระยะหนึ่ง
ตลอดช่วงระยะเวลาเรื่อยเปื่อยที่บ้าน เราสั่งอาหารเดลิเวอรีมากินเป็นส่วนใหญ่ ออกไปทำธุระเท่าที่จำเป็น หยิบหนังสือจากกองดองมาอ่านหลังจากที่ไม่ให้ให้เวลากับการอ่านและการเขียนมาระยะหนึ่ง เล่นกับแมว อยู่กับพ่อแม่ และเปิดดูความทรงจำเทียมที่ถูกบันทึกไว้ตอนได้ไปเยี่ยมเยียนสถานที่ต่างๆ ทั้งรูปถ่ายและวิดีโอ ก่อนจะหวนนึกถึงความรู้สึกของตัวเองเวลาได้เจออะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็น หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ยังคงตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้เดินทางไปในสถานที่เดิมๆ และยังคงอยากกลับไปอีกเสมอในทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งเราคิดว่าจังหวัดบ้านเกิดที่ได้กลับมาพักในวันหยุดยาวครั้งนี้ก็เป็นเช่นนั้น
จังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่เดินทางสะดวก อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากมายกระจายอยู่ทั่วเมือง ซึ่งทำให้ที่นี่ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในใจของนักเดินทางหลายคนอยู่เสมอ รวมทั้งตัวเราเองด้วย ที่เมื่อได้หวนกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดเมื่อไร ก็อยากออกไปสัมผัสบรรยากาศของสถานที่เหล่านั้นอีกครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์ทำให้เราทำได้เพียงนั่งเที่ยวทิพย์กับความทรงจำเทียมในคอมพิวเตอร์แทน เลยอยากนำมาแบ่งปันให้กับนักเดินทางท่านอื่นที่สนใจอยากมาพักผ่อนที่จังหวัดชลบุรีหลังจากสถานการณ์ดีขึ้นด้วย หรือใครที่อยากเดินทางมาเที่ยวทิพย์ด้วยกันผ่านรูปถ่ายและความทรงจำที่อาจไม่ปะติดปะต่อเท่าไรนัก หรือควรเรียกว่าเป็นการปั่นรวมผสมผสานเรื่องราวจากหลายทริป จากเศษเสี้ยวความทรงจำชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในหลายช่วงวัยของเรา ก็สามารถหอบกระเป๋าเป้เดินทางมาเจอกันได้เลยในย่อหน้าถัดไป
โดยที่ที่เราคุ้นเคยมากที่สุด ผูกพันมากที่สุด และยังคงชื่นชอบบรรยากาศมากที่สุดเสมอในทุกช่วงอายุ ก็คือ ‘ตลาดเก่าหน้าเก๋ง’ ที่มีของอร่อยเยอะมาก ถูกปากและคุ้นชิน เพราะเราได้กินมาตลอดตั้งแต่จำความได้
ร้านรวงของที่นี่ส่วนใหญ่จะมีกลิ่นอายของความเป็นไทยเชื้อสายจีน สิ่งปลูกสร้างที่เรียงรายอยู่สองข้างทางดูผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุคน บ้านเก่าของครอบครัวเราเองก็เป็นเช่นนั้น ตัวตึกแถวเก่า ประตูเหล็กยืดสีทึม ป้ายชื่อร้านภาษาจีน สีที่กะเทาะร่อนจนเห็นเนื้อไม้สีซีดด้านใน ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านพักอาศัยและร้านรวงต่างๆ ที่มีบรรยากาศคล้ายกันแทบทั้งหมด
ในชุมชนแห่งนี้มีศาลเจ้าเล็กๆ อยู่หลายศาล บางครั้งมีงิ้วมาเล่นด้วย น่าจะปีละครั้งถ้าเราจำไม่ผิด มีร้านขายกระดาษกงเต๊กกระจายอยู่ทั่วไป อาหารมีทั้งไทยและจีนปะปนกัน แบบที่ถ้าเดินผ่านก็จะแวะซื้อกินจุกกินจิกแทบทุกร้าน อาแปะอาซิ่มคุยภาษาจีนกันโช้งเช้งสลับกับภาษาไทย ตรอกซอกซอยเล็กแคบกับตัวสิ่งปลูกสร้างราวกับดึงดูดให้จมลงไปในวิถีชุมชนเก่าแก่ที่มีการผสมผสานกันทางวัฒนธรรมอย่างยากที่จะแยกออก
เมื่อขับตรงไปเรื่อยๆ ไม่นานจะออกไปถึงสะพานชลมารควิถี ที่เป็นถนนเลียบริมทะเล ฝั่งหนึ่งสามารถมองเห็นทิวป่าโกงกางสีเขียว ส่วนอีกด้านเป็นท้องน้ำกว้างไกลสุดเส้นขอบฟ้า มีจุดให้จอดรถชมวิวอยู่เป็นระยะ จุดจอดเรือประมง และมีเลนสำหรับจักรยานและทางเท้าที่มักจะเห็นคนมาวิ่งออกกำลังกายกันในโมงยามเช้าตรู่และช่วงที่พระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าในเวลาเย็นย่ำ
ตลอดเส้นทางบนสะพานมีของกินล่อตาล่อใจอยู่เป็นระยะ มีร้านคาเฟ่ ร้านรถเข็นหลายร้าน และตลาดท่าเรือพลีที่มีของอร่อยๆ อยู่มากมาย
เราชอบความรู้สึกตัวเองเวลาขับรถผ่านถนนเส้นนี้ในเวลารุ่งสางเป็นพิเศษ รถไม่เยอะมาก แถมท้องทะเลกับผืนฟ้าก็แทบจะเป็นสีเดียวกัน เป็นสีฟ้าครามทึมเทาที่แทบจะเหมือนกับผ้าผืนใหญ่เย็บติดกันเป็นชิ้นเดียว แถมมีเสียงคลื่นน้ำอึงอล อากาศเย็นสบาย และความเงียบงันก่อนแสงแรกของวันจะโผล่พ้นท้องน้ำขึ้นมากล่าวทักทายผู้คน
ถัดมาเป็นตลาดเก่าอ่างศิลา ที่ขอเที่ยวผ่านความทรงจำในหัวแทนเพราะไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย โดยที่นี่เป็นอีกหนึ่งชุมชนเก่าแก่ที่น่าสนใจของชลบุรี ด้านในตัวตลาดมีร้านขายขนมไทยโบราณหลากหลายอย่างให้เลือกซื้อ มีขนมเรไรที่หาทานค่อนข้างยาก และขนมอบเทียนอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้กัน นอกจากนั้นจะเป็นร้านขายอาหารทะเลสดและแห้ง ร้านอาหาร วัด ศาลเจ้า และพระตำหนักมหาราช-พระตำหนักราชินี ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่คู่กับอ่างศิลามาอย่างยาวนาน แถมตัวบ้านเรือนก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่าๆ อบอวลด้วยวิถีชีวิตที่ถ่ายทอดผ่านหลายชั่วอายุคน ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดในชลบุรีที่เรามักผ่านเข้ามาเพื่อสัมผัสกลิ่นอายเหล่านั้นอยู่เสมอ
ตอนเด็กๆ เราเข้ามาซื้อลอดช่องสิงคโปร์กับขนมไทยค่อนข้างบ่อย ในสัปดาห์หนึ่งอาจนับได้เป็น 2-3 ครั้งที่เราจะเข้าไปหาอะไรกินในนั้น ผ่านตัวตึกพระตำหนักมหาราชและพระตำหนักราชินี โดยตึกราชินีหรือ ‘ตึกแดง’ จะเป็นจุดโฟกัสแทบทุกครั้งที่ผ่านเข้ามาในตลาด ด้วยความสวยงามและสีสันที่สดใสของตัวอาคาร และนอกจากนั้นตลาดเก่าอ่างศิลายังมีอีกหนึ่งจุดน่าสนใจคือ ที่นี่มีค้างคาวแม่ไก่ให้ดูด้วย
ข้ามผ่านส่วนของอ่างศิลาไปสู่บางแสน ระหว่างนั้นจะพบศาลเจ้านาจา ศาลเจ้าขนาดใหญ่เด่นสะดุดตา ซึ่งเราเคยเข้าไปครั้งเดียวเมื่อนานมาแล้ว ก่อนจะไปถึงชายหาดบางแสนที่เราไม่ค่อยได้ลงไปเดินบ่อยนักเมื่อโตขึ้น ส่วนใหญ่จะไปเพื่อหาซื้อยำไข่ปูมากินมากกว่า
บริเวณนี้เรียงรายด้วยต้นมะพร้าว กับเก้าอี้ผ้าใบและร่มตั้งอยู่ละลานตาเต็มหาด มองแล้วคล้ายกลุ่มก้อนเห็ดที่ขึ้นรวมกันอยู่อย่างหนาแน่น และเมื่อทอดสายตาผ่านชุมชนเห็ดเหล่านั้นไป ก็จะพบกับหาดทรายและผืนน้ำกว้างไกลอยู่ตรงหน้า
มาพูดถึงจุดที่เรามานั่งบ่อยๆ กันบ้าง ซึ่งก็คือหาดที่อยู่ข้างๆ บางแสนนั่นเอง ‘หาดวอนนภา’
บริเวณนี้เป็นโขดหินสีเข้มวางกองรวมกันอยู่ สามารถนั่งเล่นกินลมชมวิวหรือจะเดินลงไปสัมผัสน้ำทะเลเย็นๆ ก็ได้ ซึ่งปัจจุบันมีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ มีที่นั่งเพิ่มเติมรวมทั้งมีขอบกั้น ซึ่งยังคงไม่ชินตาสำหรับเราเท่าไรนัก เพราะยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปหลังจากมีการก่อสร้างเพิ่มเติม
อีกหนึ่งจุดชมวิวใกล้ๆ กันนั้นคือเขาสามมุขที่ไม่ได้ถ่ายภาพไว้อีกเช่นกัน แต่ตอนเด็กๆ มีโอกาสได้ไปบ่อยพอสมควร ซึ่งเหล่าลิงจอมวายร้ายก็ยังคงวิ่งซุกซนอยู่ตามท้องถนนและชื่นชอบการปีนขึ้นหลังคารถเหมือนเช่นเคย โดยนอกจากจะมีจุดชมวิวทิวทัศน์ของทะเลแล้ว ยังมีศาลเจ้าแม่สามมุข ซึ่งเป็นที่สักการะของผู้คนทั่วไปอีกด้วย
กระโดดข้ามมาถึงบางพระ ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราหลงรักบรรยากาศช่วงเช้าตรู่นอกจากสะพานชลมารควิถี
‘อ่างเก็บน้ำบางพระ’ เย็นชื้นและเงียบงันท่ามกลางกลิ่นอายแห่งรุ่งสางเสมอ แม้จะมีคนแวะเวียนมาวิ่งออกกำลังกายหรือเดินเล่นอยู่ประปรายก็ตาม
เรามาที่นี่ตั้งแต่จำความได้ ผืนน้ำใสแจ๋วที่ถูกโอบล้อมด้วยทิวเขาสีเขียว และถนนที่ทอดตัวลงเนินประดับประดาด้วยต้นตะแบกออกดอกสีชมพูอมม่วงเรียงรายเป็นภาพที่เราเห็นจนชินตาและหวนนึกถึงอยู่เนืองๆ เวลาห่างหายจากกันไปนาน
สีโทนฟ้าผสมความทึมเทาของตัวสิ่งปลูกสร้างน่าจะเป็นโทนโปรดสำหรับเราไปเสียแล้ว ไม่ว่าที่ไหนที่เป็นแหล่งน้ำใส กับท้องฟ้ากว้างไกลในยามที่ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น รวมกับบ้านเรือนหรือท้องถนนเล็กจ้อยถ้าเทียบกับทิวทัศน์ของธรรมชาติ ตรงนี้เลยเรียกได้ว่าเป็นสถานที่โปรดของเราไปโดยปริยาย
โดยสามารถขับรถเล่นรอบอ่างเก็บน้ำได้ หรือจะแวะกินอาหาร ‘ร้านป้า’ ร้านอาหารครอบครัวที่ทำอาหารไทยอร่อยเหลือเกิน ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับอ่างเก็บน้ำเลย
ส่วนใหญ่เราจะมาร้านนี้กับครอบครัว เพราะคนที่บ้านชอบกินมาก เรียกว่าเป็นร้านโปรดเลย มีหลากหลายเมนูให้เลือก รูปด้านบนจะเป็นยำหมูยอ ปลากระพงทอดราดน้ำปลา และทอดมันกุ้งตามลำดับ ด้านในร้านมีขนาดกว้างขวาง มีห้องแยกสำหรับจัดเลี้ยง และมีพื้นที่จอดรถอยู่บริเวณด้านหน้าร้าน
และนอกจากเมนูด้านบนแล้ว ก็ยังมีจานที่เราต้องสั่งมาทุกครั้ง แม้ว่าจานอื่นจะหมุนเวียนเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยแทบไม่ซ้ำกัน คือเมนูปลากำนันทอดราดพริกสด และแกงคั่วปูไข่หน่อไม้ดอง ที่รสชาติจัดจ้าน เข้มข้น กลมกล่อมกำลังดีมาก
มีทางรถไฟที่อยู่ถัดจากอ่างเก็บน้ำไปเล็กน้อย บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ สองข้างทางเรียงรายด้วยต้นไม้สีเขียว สามารถมองเห็นทิวเขาอยู่ไกลๆ พร้อมด้วยดอกหญ้าลู่ลมล้อแสงอาทิตย์ตกถ้าเดินทางมาในช่วงเย็น
อีกสถานที่หนึ่งที่ทำให้หวนนึกถึงวัยเยาว์เสมอคือ ‘สวนสัตว์เปิดเขาเขียว’ ที่ตอนเด็กๆ มาบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ความทรงจำไม่ค่อยปะติดปะต่อนัก เรียกว่าจมหายไปกับกาลเวลา ทว่าสิ่งที่ติดอยู่ในหัวเสมอก็คือ ไก่ย่างอร่อยมาก ชอบเล่นเนินหญ้า และยีราฟน่ากลัว
สมัยเด็กครอบครัวพาเรามาค่อนข้างบ่อย จนขึ้นชั้นประถมก็ได้มาอีกครั้งในคราบของเนตรนารี และท้ายสุดคือมาในรูปลักษณ์ของผู้ใหญ่กลวงเปล่าไร้ความฝัน อาจฟังดูพิลึกพิลั่นที่ยังคงนึกอะไรไม่ค่อยออก ทั้งที่ตอนนั้นก็เพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่ปี แต่ก็อาจเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของวัยสิ้นหวังที่มักจะเผลอทำอะไรหล่นหายไปบ้างประปรายเพราะมีเรื่องอื่นให้คิดมากเกินความจำเป็นก็ได้
หลังจากเรียบเรียงความคิดผ่านตัวหนังสือ พร้อมกับดูรูปถ่ายไปพลาง บางครั้งเรื่องเหล่านั้นก็ชัดเจนจนเหมือนถูกจัดวางอยู่ตรงหน้าในลักษณะ 4 มิติ ทว่าบางเรื่องก็เป็นแค่ภาพสีซีดจางแทบจะเลือนหายจนหมดสิ้นอยู่รอมร่อ และการที่เราลืมอะไรไปบางครั้งก็น่าหงุดหงิดงุ่นง่านเหลือเกิน การเที่ยวทิพย์ผ่านรูปถ่ายในครั้งนี้จึงดูขาดตกบกพร่องไปมากเพราะก้อนความทรงจำบางก้อนปลิวหายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว และหวังว่าถ้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีขึ้น ก็หวังว่าจะได้กลับไปสถานที่แห่งวัยเยาว์เหล่านั้นอีกครั้ง รวมทั้งนักเดินทางท่านอื่นก็สามารถเข้ามาสัมผัสความสวยงามของจังหวัดติดอ่าวไทยแห่งนี้ที่ไม่ได้มีดีแค่ทะเลกันได้เลย