แสงสุดท้ายที่พรหมเทพ
“วันนี้ที่ประภาคารกาญจนภิเษกแหลมพรหมเทพจังหวัดภูเก็ต ดวงอาทิตย์ตกเวลา...” หลายคน คงจะเคยได้ยินประโยคคุ้นหูนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่จะมีซักกี่คนกันนะ ที่มีโอกาสไปยลบรรยากาศแสงสุดท้ายของที่นี่
หลังจากที่เราตระเวณเที่ยวชมส่วนต่างๆ ของเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอันมีนามว่า “ภูเก็ต” แห่งนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ก็เกือบๆ จะหกโมงเย็นแล้ว เรากำลังนั่งอยู่ในรถของ “ไชโย” เพื่อนชาวภูเก็ตโดยกำเนิด ที่ถือโอกาสเป็นไกด์พาเราท่องภูเก็ตในทริปนี้ พวกเรากำลังมุ่งหน้าไป “แหลมพรหมเทพ” กัน รถของพวกเราวิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของภูเก็ตมากมาย เช่น “พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย” ที่มีเปลือกหอยทั้งเก่าใหม่ และหายาก หรือจะเป็น “หาดราไวย์” ซึ่งเป็นหาดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งแรกของภูเก็ต แต่ในปัจุบันไม่ค่อยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ คงจะเป็นเพราะว่ามีเรือประมงเล็กมาจอดอยู่เป็นจำนวนมาก จนทำให้เรือหางยาวเป็นสัญลักษณ์ของหาดนี้ไป รถวิ่งต่อไปอีกไม่นานนักเราก็ถึงจุดใต้สุดของภูเก็ต นั่นคือ “แหลมพรหมเทพ” นั่นเอง
พวกเราค่อยๆ เดินตามถนนลาดขึ้นเนินเขาไปเรื่อยๆ ตามทางจนใกล้จะถึงจุดชมวิว ก็ได้ยินเสียงระงมเซ็งแซ่ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มารอชมความงาม ณ. ที่แห่งนี้ “เอ..แล้วเราจะนั่งตรงไหนดีหล่ะ” นี่ก็ยังไม่ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกเลย เข้าไปดูข้างในประภาคารกาญจนาภิเษกดีกว่า
ภายในประภาคารนี้จะจัดเป็นนิทรรศการความเป็นมาของการใช้ประภาคารในอดีตถึงปัจุบัน นอกจากนี้ก็ยังมีประวัติของกองทัพเรือไทยอีกด้วย พอชมภายในหมดแล้ว เราก็ออกมาตรงระเบียงของประภาคารเพื่อถ่ายรูปยามที่อาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ถือว่าเป็นมุมสูงอีกมุมหนึ่งที่เหมาะกับการถ่ายภาพครั้งนี้
ดวงอาทิตย์กลมโต และแสงสีส้มเข้มจัด ค่อยๆ ไล่เฉดสีลงมาเรื่อยๆ ใกล้จะจมลงไปท้องน้ำแล้ว จากเสียงระงมของนักท่องเที่ยว เมื่อพบกับแสงสุดท้ายของวันที่นี่ ทำให้หลายคนตกอยู่ในภวังในบัดดล เสียงระงมที่ดังอยู่เมื่อสักครู่นี้ เบาลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ช่วงอาทิตย์เริ่มลับของฟ้านี่แหล่ะ คือช่วงที่โรแมนติกที่สุดของที่นี่ ฟ้าทั้งฟ้ากลายเป็นสีส้มสด มีเมฆมาเสริมลวดลายบนท้องฟ้าให้ดูน่าค้นหา แสงสุดท้ายกระทบกับคลื่นอ่อนๆ บนท้องน้ำ ทำให้เกิดประกายระยิบๆ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังมาจากเงาของเรือประมงดำๆ ลำหนึ่ง ค่อยๆ วิ่งตัดผ่านท้องน้ำสีส้มออกไปสู่ทะเลอันกว้างใหญ่ ทิ้งชายฝั่งไว้อยู่เบื้องหลัง ประหนึ่งว่า “คืนนี้..เราคงจะโชคดี ได้ผลผลิตจากท้องทะเลกลับมา เพื่อต่อชีวิตในวันพรุ่งนี้”
ทอมมี่ ลี