ก้อนเมฆสีเทาเคลื่อนย้ายตามเรามาถึงเมืองจันท์ บนถนนท่าแฉลบมืดครึ้มจากมวลละอองน้ำที่กำลังควบแน่นจนน่ากลัวว่าหยาดฝนจะโปรยปรายลงมาก่อนเราไปถึงจุดหมายเสียก่อน น่าดีใจที่รถแล่นเข้าลานจอดรถในร่มของโรงแรมได้อย่างทันท่วงที พร้อมพนักงานที่ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

เรามาถึง The Motifs Eco Hotel พร้อมกับบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ต้นไม้สีเขียวที่เติบโตอยู่ทั่วไปในบริเวณโรงแรมราวกับชูคอรอรับสายน้ำเย็นฉ่ำกันอย่างพร้อมเพรียงอยู่ในบริเวณตัวอาคารสีขาวตัดกับน้ำตาลอ่อนที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีตให้มีพื้นที่ว่าง ความลดหลั่น ช่องสำหรับให้แสงและลมผ่าน โดยทั้งหมดนี้ถูกจัดวางอยู่เคียงข้างกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ที่สำคัญคือลดการใช้เครื่องปรับอากาศและแทบไม่จำเป็นต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้มาก ตามแนวคิดตั้งต้นของคุณดาว–ไอยรีลดา จิรโชคชยานันทร์ ที่อยากทำให้เห็นว่าโรงแรมแบบ Eco Living นั้นสามารถทำได้ ก่อนถูกรังสรรค์ให้เกิดขึ้นจริงโดย Eco Architect โดยใช้แนวคิด ‘การหายใจร่วมกับธรรมชาติ’ ในทางสถาปัตยกรรม

และเราสัมผัสได้ขณะที่ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาหลังจากตั้งเค้าอยู่ไม่นาน

สายน้ำไหลผ่านมาตามสายโซ่ที่ใช้แทนท่อระบายน้ำลงสู่ตุ่มด้านล่าง ซึ่งจะถูกนำมาใช้รดน้ำต้นไม้ต่อไป อากาศเย็นฉ่ำสบายจนน่าเอนกายพักผ่อน และแสงสว่างยังคงลอดผ่านกระจกบานใหญ่และลวดลายฉลุตามผนังเข้ามาได้อย่างดี แม้ฤดูฝนจะกลืนกินแสงแดดไปมากโขก็ตาม

แต่ก็ยังหวังว่าเราจะได้เห็นแสงแดดลอดผ่านลงมาตกกระทบพื้นไม้ของโรงแรมก่อนกลับสักครั้ง

อัตลักษณ์ชุมชนที่เข้ามาแต่งเติมแนวคิดต่อจาก Eco Living จนเป็น The Motifs

แรกเริ่มคุณดาวใช้เวลา 2 ปี ในการรวบรวมและศึกษาข้อมูล ศึกษาความเป็นไปได้ ตกตะกอนทางความคิดกับตัวเองก่อนว่าถ้าจะทำโรงแรมรักษ์โลก จะทำได้จริงไหม ก่อนมองหาคอนเซ็ปต์ว่าอยากเป็นสายไหน เป็นสายพลังงานสะอาดเลยไหม สรุปจบที่ตรงกลางคือ Eco เป็น ‘Urban Eco’ คุณดาวกล่าวเสริม

เมื่อจับทางได้แล้วว่าจะเป็นสาย Eco แต่คุณดาวที่สนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็อยากนำเอาความเป็นเมืองจันท์มาใส่เพิ่มเพื่อเติมเต็มตัวอาคารจนเข้าใกล้ความเป็น The Motifs ไปอีกขั้น

คุณดาวพาทีมสถาปนิกเดินทัวร์ทั้งกลางวันและค่ำคืนที่ชุมชนจันทบูร ชุมชนเก่าริมน้ำที่เรียงร้อยเรื่องราวของตัวเองมากว่า 100 ปี โดยที่ยังคงส่งต่อวิถีชุมชนพื้นถิ่น ศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอันสวยงามมาสู่ปัจจุบัน รอคอยให้ใครก็ตามแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนและได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์อันยาวนานและทรงคุณค่าผ่านสายตาของตัวเอง

ภาพจาก The Motifs Eco Hotel | Eco Architect

ภาพจาก The Motifs Eco Hotel | Eco Architect

ภาพจาก The Motifs Eco Hotel | Eco Architect

และหลังจากได้พูดคุยกับศูนย์เรียนรู้ประจำชุมชนริมน้ำจันทบูร บ้านเลขที่ 69 และหอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี รวมทั้งมีโอกาสได้เห็นบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมน้ำอย่างไม่เป็นระเบียบ ซึ่งเมื่อแสงแดดสาดส่องจากตัวสิ่งปลูกสร้างสะท้อนไปบนผิวน้ำ ความสวยงามจากความลดหลั่นและความไม่เป็นระเบียบก็คงสะท้อนเสน่ห์มัดใจคนมองได้อย่างไม่ยากเย็น

สถาปนิกดูหัวใจฟู พองโตและซาบซึ้งกับประวัติศาสตร์ในหลายมิติ จึงเสนอไอเดียและมีความเห็นตรงกันว่า เราเล็งเห็นเสน่ห์ของความไม่เป็นระเบียบของบ้านในชุมชนริมน้ำ ก่อนนำมาเป็นแรงบันดาลใจของรูปทรงตัวอาคารในท้ายที่สุด

ภาพจาก The Motifs Eco Hotel | Eco Architect

นอกจากความลดหลั่นกันของบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมน้ำ รูปแบบของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในชุมชนจันทบูรก็ปรากฏอยู่ใน The Motifs ด้วยเช่นเดียวกัน

ชุมชนริมน้ำจันทบูรเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้สถาปัตยกรรมของที่นี่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก จีน และถูกนำมาผสมผสานกับความเป็นไทย ทำให้เกิดอัตลักษณ์ตามแบบฉบับของชุมชนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของความหลากหลายแต่สามารถเข้ากันได้อย่างกลมกลืน จนถูกหยิบยกบานหน้าต่างวงโค้งเกือกม้าแบบชิโนโปรตุกีส เพดานทรงจั่ว และลวดลายฉลุประณีตอ่อนช้อย ทั้งลายขนมปังขิงที่สถาปนิกชี้ว่าโดดเด่นมากในเมืองจันท์จนได้ปรากฏอยู่บริเวณเหนือประตูทางเข้า และถือได้ว่าเป็นลายแม่แบบหรือ ‘The Motifs’ ก่อนแตกย่อยออกมาเป็นลายอื่นๆ ทั้งลายสี่แฉก และลายหยดน้ำที่ปรากฏอยู่บริเวณผนังของโรงแรม โดยทั้งหมดนี้ถูกจัดวางรวมกับความโมเดิร์นและความ Eco ที่เป็นคอนเซ็ปต์ตั้งต้นได้อย่างลงตัว

ส่วนภายในตกแต่งสไตล์ Modern-Craft โดยยกกองทัพเครื่องสานเข้ามาจัดวางตามพื้นที่ต่างๆ ในโรงแรมเพื่อแสดงถึงอัตลักษณ์พื้นถิ่น “เพราะตอนสร้าง พื้นที่ตรงนี้มีโค้งเยอะมาก ผู้รับเหมาต้องพยายามทำตามแบบให้โค้งสวย และมุมเว้ามุมโค้งสำหรับเรา มันคือศิลปะ แล้วมันก็คราฟต์มาตั้งแต่แบบเลย” คุณดาวเสริมเหตุผลว่าทำไมถึงเน้นเรื่องคราฟต์

คุณดาวยังได้ไปชุมชนบางสระเก้า และมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณป้าทอเสื่อ ปรึกษาหารือเรื่องที่อยากหยิบเอาผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นมาเป็นข้าวของเครื่องใช้และของตกแต่งภายในโรงแรม ได้เห็นการทอทีละเส้นอย่างประณีต จนในที่สุดก็ได้วัสดุตกแต่งและเครื่องใช้พื้นถิ่นมาเป็นส่วนหนึ่งของ The Motifs ซึ่งกว่าจะได้แต่ละชิ้นนั้นใช้เวลาค่อนข้างนานและราคาไม่ได้ถูกเลย แต่คุณดาวกล่าวว่ารู้สึกภูมิใจที่ได้นำของพื้นถิ่นเหล่านี้มาเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม

ชีวิตของบ้านไม้เก่าที่ยังคงหายใจอยู่ในโรงแรมใหม่

เดิมทีพื้นที่ของโรงแรมเคยเป็นที่ตั้งของบ้านเลขที่ 1 ในเส้นท่าแฉลบ เป็นบ้านไม้หลังเก่าอายุ 60 ปี ของคุณยายวิสาขะ โกศล

และชีวิตของตระกูลเก่าแก่ก็ไม่ได้หายไปไหนเมื่อกาลเวลาผันผ่านไป เมื่อสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่แปรเปลี่ยนเป็นโรงแรมใหม่ เพราะไม้จากบ้านหลังเก่า 60-70 เปอร์เซ็นต์ยังคงอยู่ในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของโรงแรม

เราลองสังเกตภายในห้องพักขนาดย่อมสีโทนขาวสะอาดตาตัดกับสีน้ำตาลอบอุ่นของไม้และเครื่องสาน ก่อนพบไม้เก่าเป็นทั้งบังใบและชั้นวางตามคำบอกเล่า

ไม้จากบ้านเลขที่ 1 ของเส้นท่าแฉลบสีค่อนข้างเข้มสุขุมกว่าไม้ส่วนอื่นที่มักเป็นสีน้ำตาลอ่อนสบายตา มองไปมองมาแล้วรู้สึกว่าที่นี่เป็นจุดเชื่อมระหว่าง 2 มิติเวลาที่ไร้เส้นแบ่ง พลันคิดว่าคำกล่าวของคุณดาว “ชีวิตของบ้านไม้หลังเก่ายังอยู่ที่นี่” ฟังดูมีพลังอย่างน่าประหลาด

โรงแรมที่ตอบโจทย์คนทำงาน

ช่วงที่คุณดาวกำลังศึกษาความเป็นไปได้ ลองไปนอนโรงแรม 20-30 ที่เพื่อหาจุดบกพร่อง และรวบรวมข้อมูลต่างๆ ก่อนนำมาพัฒนาต่อ เธอก็พบว่ามีคาเฟ่ดีๆ ในเมืองจันท์เยอะมาก ทว่ามีพื้นที่ให้นั่งคุยงานเชิงธุรกิจน้อย และตัวคุณดาวเองก็เป็นสายประชุมอยู่แล้ว จึงทำ Coworking Space ไว้ในโรงแรมด้วย

โดยบริเวณชั้น 2 ของโรงแรมมีทั้ง Coworking Space ห้องประชุม และพื้นที่สำหรับนั่งทำงานเงียบๆ บรรยากาศอบอุ่นรวมทั้งโปร่งโล่งสบายตา กระจกหลายบานเปิดรับแสงจากภายนอกเข้ามาอย่างเพียงพอ แถมด้วยวิวแมกไม้สีเขียวที่ช่วยผ่อนคลายสายตาจากการทำงานได้ดี และที่พิเศษมากๆ เลยคือ ลิ้นชักที่มีกุญแจล็อก

สำหรับใครที่ชอบหาที่นั่งทำงานข้างนอกคนเดียวคงประสบปัญหาเวลาจะลุกจากที่นั่งไปไหนแล้วต้องคอยหอบหิ้วสัมภาระติดตัวไปด้วยทุกครั้ง แต่ที่ The Motifs สามารถเบิกกุญแจลิ้นชักที่ Front Office ได้ ถ้าอยากลุกไปเข้าห้องน้ำ ออกไปสูดอากาศ หรือลงไปจิบกาแฟจาก Slow Bar ข้างล่างก็เก็บของลงลิ้นชักแล้วเดินออกไปพักได้ตามสะดวก

ส่วนห้องอาหารด้านล่างก็สามารถนั่งทำงานหรือใช้เป็นพื้นที่ประชุมได้เช่นเดียวกัน เน้นรับกลิ่นอายของธรรมชาติ รับแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกกว้างเข้ามา อันที่จริงจะนั่งทำงานตรงไหนก็ได้เพราะในบริเวณโรงแรมมีเต้าเสียบกระจายอยู่ทั่ว แม้แต่ห้องพักที่แต่ละห้องนอกจากจะมีเตียงนุ่มนอนสบายแล้ว ยังมีมุมทำงานที่ตั้งใจออกแบบมาให้ทุกห้องสามารถนั่งทำงานได้ ไฟสว่างแบบที่ไม่ต้องกลัวตาเสีย บวกกับวิวนอกกระจกไว้สำหรับพักสายตา

ขณะที่เราพักอยู่ที่ The Motifs มีตั้งแต่ช่วงที่ฝนตกเปาะแปะพอเป็นพิธี ไปจนถึงตกแรงจนเหมือนฟ้ารั่ว พอมองจากมุมทำงานออกไปนอกหน้าต่าง เห็นใบไม้สีเขียวไหวไปมาหลังถูกสายฝนโปรยปรายตกกระทบ ก็รู้สึกอยากหยิบแล็ปท็อปออกมานั่งทำงานไปโดยปริยาย

ยังมีอีกหลายอย่างที่จะทำให้ภาพจำของ The Motifs ชัดเจนขึ้น

“อยากให้ที่นี่เป็นแหล่งรวมของคนรักหนังสือ โดยมีคอนเซ็ปต์ ‘แลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่าน’ หรือถ้ามีใครสนใจอยากรู้เรื่องอะไร ก็จัดอีเวนต์เรื่องนั้นๆ ให้ได้มาแชร์ข้อมูลกัน อยากให้ที่นี่ เป็น Community มีกิจกรรมกึ่งวิชาการ กับเป็นเวิร์กชอป”

ยังมีบางส่วนในโรงแรมที่คุณดาวกล่าวว่ายังไม่พร้อมเปิด หรืออยากเพิ่มเติมอะไรเข้าไปในพื้นที่ มีลานด้านนอกที่เธอตั้งใจจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับปลูกผักออร์แกนิก รวมทั้งเป็นลานโยคะ และยังมีส่วนที่ในอนาคตจะเป็นแกลเลอรีด้วย

มีหลายอย่างที่คุณดาวตั้งใจและวางแผนเอาไว้ให้กับ The Motifs บางอย่างอาจจะได้ทำในเร็วๆ วันนี้ บางอย่างอาจจะภายใน 2-3 ปี หรือบางอย่างยังเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งแม้จะต้องผ่านช่วงเวลายากๆ จากสถานการณ์โควิด-19 แต่เมื่อคุณดาวถามทางทีมว่าใครยังจะไปกับเราอยู่บ้าง ทุกคนตอบว่าไป “ถ้าอย่างนั้น เรามาสู้กันสักตั้ง” คุณดาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในท้ายที่สุด หลังจากที่ก้อนเมฆสีเทาโปรยน้ำลงมาแบบแทบไม่หยุดพักจนหนำใจ เราก็มีโอกาสได้เห็นแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างและลวดลายฉลุเข้ามาในช่วงเย็นและช่วงเที่ยงก่อนกลับ ภายใน The Motifs สว่างขึ้นและดูอบอุ่นไปพร้อมๆ กัน

The Motifs Eco Hotel

Address : ซอยท่าแฉลบ 1 ถนนท่าแฉลบ ตำบลตลาด อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี

Tel. 093 465 5353

Facebook : The Motifs Eco Hotel

E-mail : [email protected]