หลังจากกรุงเทพอากาศหนาวอยู่ได้ประมาณอาทิตย์ก็กลับมาร้อนอีกแล้ว เลยไม่ค่อยอยากไปไหนไกลประกอบกับเวลาไม่ค่อยมีด้วย เลยอยากจะแพลนเที่ยวใกล้บ้านแทน นึกขึ้นได้เมื่อสองสามปีก่อนไปบางปูมาแล้วก็ค่อนข้างประทับใจเพราะอากาศยามเย็นเดินเล่นได้สบาย ร้านอาหารทะเลแถวนั้นก็อร่อย เลยคิดจัดทริปไปสมุทรปราการเที่ยงเย็นกลับสักหน่อยดีกว่า
หลังจากหาข้อมูลในหน้าของจังหวัดสมุทรปราการบนเว็บทริปไนซ์เดย์นี่แล้ว ก็ได้ที่ที่อยากจะแวะไปอยู่ประมาณ 3-4 ที่ ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการขับรถเที่ยวครึ่งวันบ่าย โดยจะแวะไปดูช้าง 3 เศียร แวะซื้อกาแฟที่ sanctury paknam ขับต่อไปวัดอโศการาม เดินเล่นตากอากาศบางปู และกินข้าวเย็นก่อนกลับที่ระเบียงทะเล ซึ่งจะแนบทริปไว้ใต้บทความนี้
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
หรือรูปปั้นช้างสามเศียรที่โด่งดังตั้งเด่นเห็นได้บนทางด่วนกาญจนา เคยขับรถไปธุระแล้วผ่านสองสามครั้งแล้วเลยอยากจะเข้ามาดูเสียหน่อยว่าข้างในคืออะไรเป็นอะไรยังไงบ้าง การเดินทางก็ไปตามแผนที่บน Google Maps เลย มันพาไปทางถนนสุขสวัสดิ์ ขึ้นสะพานภูมิพล 2 ลงทางด่วนแปปเดียวถึง การเดินทางเลยไม่ได้ยากอะไร เราสามารถจอดรถใต้ทางด่วนซึ่งเป็นที่จอดของทางพิพิธภัณฑ์ได้เลย
เมื่อจอดรถแล้วทางพิพิธภัณฑ์จะมีรถกอล์ฟรับส่งตรงที่ลานจอดรถไปยังหน้าประตูทางเข้าหลัก วันที่ไปเป็นวันอาทิตย์ ทัวร์นักท่องเที่ยวชาวจีนค่อนข้างเยอะ แต่สถานที่ก็ใหญ่โตกว้างขวางจนไม่ได้รู้สึกว่าถูกรบกวนอะไร
เนื่องจากไม่เคยมาและไม่ได้หาข้อมูลสถานที่มาก่อน เลยแวะเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าต้องเสียค่าซื้อบัตรเท่าไหร่ ได้คำตอบมาว่า 250 บาทต่อคน (สำหรับเด็กอีกราคานึงจำไม่ได้ น่าจะครึ่งราคา) หลังจากซื้อบัตรและเข้ามาเรียบร้อย ทางสถานที่ก็จะเขียนป้ายบอกข้อมูลหลายจุด และมีพนักงานประจำจุดไหว้สักการะต่างๆ ค่อนข้างครอบคลุม ที่นี่มีจุดสักการะทั้งหมด 9 จุด เราสามารถเดินภายในพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นสถานที่อยู่กลางแจ้ง แต่ก็มีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่นอยู่พอสมควร
ทั้ง 9 จุดมีหลายอย่างให้สักการะไม่ว่าจะเป็น พระพรหม, พระพิฆเนศ, พระตรีมูรติ, เจ้าแม่กวนอิม เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้แทบครบทุกอย่างนอกจากนั้นเรายังสามารถเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ที่เป็นตัวช้างซึ่งเป็นที่ร่มขึ้นลิฟท์ไปไหว้พระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีความงดงามได้อีกหลายรูป (แต่ละรูปมีอายุหลายร้อยปี บางรูปเป็นพันปี) ซึ่งจุดข้างบนนี้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป แต่บอกได้เลยว่าภายในสวยงามมาก
โดยรวมแล้ว ใครที่ต้องการแวะเที่ยวไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ สามารถมาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณได้ สถานที่สะอาด กว้างขวาง มีความพร้อมในการบริการแก่นักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร ขนม น้ำดื่มและสวนที่สามารถนั่งรอ นอกจากนั้นยังมีชุดไทยให้เช่าเพื่อถ่ายรูปอีกด้วยครับ
ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณชั่วโมงนิดๆ จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปทางบางปูต่อ ตามแพลนจริงๆ แล้วจะต้องแวะที่ร้าน Sancturay Paknam แต่วันนั้นเป็นวันหยุด รถเยอะมาก ที่จอดรถไม่พอเลยไม่ได้แวะเข้าไป เลยขับรถยาวไปที่วัดอโศการามเลยทีเดียว
วัดอโศการาม
วัดอโศการาม หรือวัดหลวงพ่อลี ที่เป็นที่รู้จักกันของใครหลายคน วัดนี้มีความสวยงาม ทั้งพระอุโบสถหลักหรือวิหารสุทธิธรรมรังสี ซึ่งภายในมีพระพุทธชินราชเป็นพระประธาน และอีกฝากนึงคือพระธุตังคเจดีย์ซึ่งเป็นอาคารสีขาวเด่นชัด ด้านในมีพระอัฐิธาตุของพระเกจิอาจารย์หลายรูป บรรยากาศภายในร่มรื่น กว้างขวาง มีลานจอดรถหน้าพระเจดีย์ที่นึง และอีกลานนึงอยู่ไม่ไกลกันมาก หรือจะขับไปจอดบริเวณทางเดินรอบวัดก็ทำได้เหมือนกัน
ตอนที่ผมไปถึงนั้นประมาณ 4 โมงเศษ หลังจากขึ้นไปไหว้พระปิดทองรูปหล่อหลวงพ่อลีแล้วก็เดินเล่นถ่ายรูปอยู่ภายในวัดสักพัก ก็ได้ยินเสียงพระเริ่มทำวัดเลยขึ้นไปดูที่วิหารเสียหน่อย สำหรับคนทั่วไปสามารถมานั่งสมาธิ หรือสวดมนต์ที่ด้านหลังพร้อมกับพระได้เลยครับ วันที่ไปมีหลายคนขึ้นมานั่งสมาธิ และเริ่มสวดมนต์เหมือนกัน
หลังจากทำบุญไหว้พระเรียบร้อยก็ออกเดินทางจากวัดต่อไปยังสถานตากอากาศบางปู ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัววัด จริงๆ แล้วถ้าเริ่มที่ช้างสามเศียรเนี่ย เราสามารถขับตรงยาวมาได้เลยจนถึงสถานตากอากาศบางปูผ่านตลาดตรงท่าเรือข้ามฝาก และผ่านหน้าเมืองโบราณมาหน่อยเดียว
สถานตากอากาศบางปู
แลนด์มาร์คสำหรับชมนกนางนวลแบบใกล้ชิดที่อยู่ใกล้กรุงเทพที่สุดเลยก็ว่าได้ สถานตากอากาศบางปูขึ้นถือเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงเทพ และเป็นสถานที่ออกกำลังกายของหน่วยกรมทหารที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เมื่อเลี้ยวเข้ามาแล้วจะเจอลานจอดรถอยู่ทางขวามือ สามารถเลี้ยวเข้าไปจอดได้เลยโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เราสามารถเดินเข้าไปชมนกได้ที่สะพานสุขตา ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างยื่นออกไปยังทะเล ปลายสุดของสะพานเป็นอาคารร้านอาหารและขายของฝาก ยามเย็นเราจะพบกับผู้คนมากมายที่ยืนถ่ายรูปอยู่บนสะพาน ไฮไลท์ของคนที่มาเที่ยวคือถืออาหารนกที่มีขายจากร้านค้าบนสะพานแล้วชูมือขึ้น หรือยื่นมือออกไปให้นกบินมาโฉบกินอาหารจากที่มือเราได้เลยวันไหนที่น้ำทะเลลดต่ำลง เราจะเห็นนกนางนวลเป็นกลุ่มเดินอยู่ที่โคลนชายเลนด้านล่างของสะพานได้อย่างชัดเจน
เพื่อไม่ให้เย็นจนเกินไป เลยออกจากที่นี่เร็วหน่อย เพราะที่สุดท้ายที่เราจะไปกันคือทานข้าวที่ร้านระเบียงทะเล ซึ่งเป็นร้านอาหารทะเลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในบางปู และอยู่ไม่ไกลจากสถานตากอากาศบางปูนี้มากนัก แต่ถ้าไปช่วง 6 โมงหรือหลังจากนั้นนิดหน่อยในวันเสาร์อาทิตย์ อาจจะไม่มีโต๊ะนั่งข้างนอก และพลาดการถ่ายรูปวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้
ระเบียงทะเลบางปู
ร้านอาหาร ระเบียงทะเลบางปู ถือเป็นร้านที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในบริเวณนี้ เนื่องจากเป็นร้านที่มีวิวทิวทัศน์ยามเย็นติดทะเล เราสามารถเดินลงไปถ่ายรูปบริเวณทางเดินด้านล่างที่ติดอยู่กับตัวร้านได้เลย โดยปกติแล้ว เวลาที่ผมมาบางปูก็มักจะแวะมาทานข้าวเย็นอยู่สองร้าน ร้านนึงคือที่สายลมบางปู ร้านนั้นก็บรรยากาศดีเหมือนกัน สถานที่กว้างขวาง อยู่ไม่ไกลจากวัดอโศการามและอีกร้านนึงคือที่นี่
มาถึงร้านประมาณเกือบ 6 โมง ได้โต๊ะโซนข้างนอกนั่งรับลมสบายๆ หลังจากสั่งอาหารไปแล้วก็เดินเล่นลงไปถ่ายรูปกับทางเดินจุดที่กล่าวไปข้างต้น วันที่ไปนั้นคนค่อนข้างเยอะพอสมควร ถ้าใครที่จะเดินทางมาแนะนำให้โทรจองโต๊ะกับทางร้านก่อนน่าจะดีกว่า
โดยรวมร้านนี้ อาหารออกเร็ว สถานที่และบรรยากาศดี พนักงานค่อนข้างทั่วถึง เมนูอาหารมีให้เลือกพอประมาณ อาจจะไม่เยอะเท่าร้านสายลมบางปู แต่ก็มีเมนูทั่วไปตามที่เราสั่งกันปกติ รสชาติของอาหารดีครับ วันที่ไปสั่งไปประมาณ 4-5 อย่างมี น้ำพริกไข่ปู, คะน้าฮ่องเต้น้ำมันหอย, ข้าวผัดปูจานกลาง และปูม้าโลนึง (4ตัว) ซึ่งเราสามารถแยกปูไปทำอาหาร 2 แบบได้ เลยเลือกเป็นนึ่ง และผัดพริกเกลือ ราคาก็เท่ากับร้านอาหารทะเลทั่วไป คิดราคามาทั้งหมดประมาณ 1,800 บาท (เฉพาะปูม้าก็โลละพัน)
หลังจากทานข้าวเรียบร้อยก็เป็นอันจบทริปบางปู ตอนแรกที่แพลนไว้คืออยากจะแวะพระสมุทรเจดีย์ด้วย แต่ถามคนแถวตลาดตอนแวะซื้อกาแฟก่อนไปวัดอโศการามแล้วมารู้ทีหลังว่า เรือที่จะข้ามฝากไปวัดพระสมุทรเจดีย์นี่ต้องใช้เวลานั่งเรือประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้าไปกลับก็อาจจะเป็นชั่วโมงเลยคิดว่ามาวันหลังน่าจะสะดวกกว่า
ตอนนี้หลังจากที่แพลนทริปเที่ยวบนทริปไนซ์เดย์มา 3-4 ทริป เริ่มรู้สึกแล้วว่าจริงๆ การไปเที่ยวจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ วันเดียวก็ทำได้ แต่ถ้าจะให้เที่ยวแบบครบจุดที่ควรไป หรือจุดที่เป็นที่เที่ยวยอดนิยมหลายที่ในแต่ละจังหวัดอาจจะต้องแบ่งมาเที่ยวที่อื่นในวันหลังบ้างถึงจะครบ หรือถ้าออกเช้าเลย เริ่มเที่ยวจุดแรกตอนแปดหรือเก้าโมงเช้า แล้วไปจบที่สุดท้ายช่วงห้าหกโมงของวันก็น่าจะทัน แต่ก็น่าจะเหนื่อยอยู่พอสมควร